ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯ โคราชไล่บี้ติดตามปืน เอ็ม 16 กับ 9 มม.กว่า 100 กระบอก ล่องหนจากกองร้อย อส.นครราชสีมายกล็อต ช่วงชุมนุมปี 56-57 กลับคืน เผย ตร.สรุปคดีส่งอัยการฟ้อง ขรก.-อส.มีเอี่ยวแล้ว 9 คน พร้อมฟันวินัย คาดปืนยังซุกรวมในพื้นที่หรือส่งออกนอกประเทศแล้วทั้งล็อต เตรียมตั้งรางวัลผู้แจ้งเบาะแส พร้อมดึงทหารร่วมตามหา จนขณะนี้หาไม่เจอแม้แต่กระบอกเดียว
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1 (อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปอย่างไร้ร่องรอยจำนวนกว่า 100 กระบอก ในช่วงชุมนุมทางการเมือง ปี 2556-2557 และมีการพยายามติดตามปืนดังกล่าวกลับคืนในช่วงปี 2558 ที่นายธงชัย ลืออดุลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการ กระทั่งสามารถดำเนินคดีต่อข้าราชการและ อส.ที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายราย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามอาวุธปืนที่หายไปกลับคืนมาได้แม้แต่กระบอกเดียว ตามที่นำเสนอข่าวมาก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ (8 ก.ย.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยล่าสุดได้เชิญฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมสรุปความก้าวหน้าของการติดตามอาวุธปืนกลับมา จนถึงตอนนี้อาวุธปืนของกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.นครราชสีมา ที่ 1 ต.หอหอ อ.เมืองนครราชสีมาที่หายไปทั้งปืนเอ็ม 16 และปืนพกสั้นขนาด 9 มม. รวมทั้งสิ้นกว่า 100 กระบอกนั้น ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเราพยายามติดตามกันมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้สามารถสรุปความคืบหน้าแต่ละเรื่องได้ดังนี้
เรื่องแรก คือ การดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่คาดว่าจะรู้เห็นหรือบกพร่องต่อหน้าที่ หรือถูกให้การพาดพิงว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการขนย้ายปืนดังกล่าว รวมประมาณ 9 คน เป็น อส.ประมาณ 5 คน ที่เหลือเป็นข้าราชการ ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.จอหอ ได้สำนวนคดีส่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นคดีที่ 1 ผู้ต้องหาเป็นระดับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ อส. แต่ไม่ถึงระดับปลัดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรืออื่นๆ เพราะขั้นตอนการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมด ต้องมีการสอบสวนต่อเนื่อง หากสาวถึงใครต้องถูกดำเนินคดี
ประเด็นที่ 2 คือ เรื่องการดำเนินการทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน เป็นอดีตป้องกันจังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่ในตำแหน่งช่วงนั้นน่าจะมีความบกพร่องและมีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ทางกรมการปกครองได้ตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการทางวินัยแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน แต่เนื่องจากแต่ละคนได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอบ้าง หรือเลื่อนตำแหน่งขึ้นบ้างไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และหากเกษียณไปแล้วต้องถูกดำเนินการทางวินัยเช่นเดิม
ส่วนประเด็นที่ 3 คือ เรื่องการติดตามอาวุธปืนที่หายไป ล่าสุดเราสรุปแล้วว่าปืนเหล่านี้น่าจะยังไม่นำออกมาภายนอก และยังอยู่ในพื้นที่ ไม่มีการนำมาใช้ เนื่องจากเราได้นำตำหนิรูปพรรณของปืนทุกกระบอกกว่า 100 กระบอกไปให้ทางพิสูจน์หลักฐานของตำรวจขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เมื่อมีข่าวการจับปืนเอ็ม 16 ได้ที่ไหนจะเอารูปพรรณสัณฐานไปเทียบกัน แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยเจอตำหนิที่ตรงกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้เราจับปืนได้ที่พื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.เทพารักษ์ ก็พยายามตามเข้าไปดู แต่ว่าใช่ปืนในล็อตนี้หรือไม่ก็ยังไม่พบ
ฉะนั้นสันนิษฐานว่าปืนเหล่านี้น่าจะถูกเก็บรวมกันอยู่ในพื้นที่ยังไม่นำออกมาขายหรือใช้เพื่อการอื่น ทางฝ่ายปกครอง ตำรวจ พนักงานสอบสวนยังติดตามคดีนี้อยู่ ฉะนั้นเรื่องของตัวปืนยังไม่เห็น นอกจากนี้เรายังเช็คในพื้นที่อื่นๆ เช่น ภาคใต้ด้วย
“สันนิษฐานว่าหากมีการจ่ายแจกหรือขายไป มันจะต้องถูกนำออกมาใช้งานแล้วจะต้องถูกจับได้บ้างเพราะปืนมีจำนวนมาก ฉะนั้นคิดว่าน่าจะมีการเก็บรวมไว้ทั้งหมดในที่เดียวกันเลย โดยยังไม่นำมาใช้และน่าจะเก็บซ่อนโดยการฝังดินหรืออะไรอื่นๆ แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามแยกย้ายกันหาเบาะแสอยู่” นายวิเชียรกล่าว
นายวิเชียรกล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้ตั้งหัวหน้าชุดติดตามปืนกลับมา โดยมอบหมายให้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 รับผิดชอบ ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือกองทัพภาคที่ 2 ช่วยติดตามด้วย รวมทั้ง กอ.รมน.ช่วยหาข่าวเชิงลึก ซึ่งข้อสันนิษฐานตอนนี้ คือ 1. เก็บไว้ 2. ออกนอกประเทศทั้งล็อต
ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนว่า อาวุธปืนเอ็ม 16 เป็นอาวุธร้ายแรงของทางราชการที่เรียกว่า อาวุธสงคราม ไม่สามารถออกใบอนุญาตหรือมีไว้ครอบครองไม่ได้ ฉะนั้นพี่น้องประชาชนได้เบาะแสหรือพบเห็นมีคนถือ คนนำไปใช้ ขอให้รีบแจ้งตำรวจและทางอำเภอทันที เพราะปืนเหล่านี้มีอานุภาพร้ายแรง หากตกไปอยู่ในมือคนร้ายอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุจริตชนได้ เราต้องช่วยกันติดตามเอามาให้ได้ ผู้ที่แจ้งเบาะแสจะถือว่าเป็นคนดีของสังคม และจังหวัดฯ จะตั้งรางวัลให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสด้วย