บุรีรัมย์ - สุดทน แม่ค้าร้านขายของชำในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ โวยถูกคนร้ายเป็นหญิง 3 คนหมุนเวียนมาลักขโมยเหล้า-บุหรี่ในร้านมากกว่า 20 ครั้งสูญกว่า 3 แสน นำภาพวงจรปิดเข้าแจ้งตำรวจแต่กลับบอกให้จับคนร้ายเองและปรับเอง ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน จ่อติดวงจรปิดเพิ่มเป็น 18 ตัว พร้อมแจกภาพผู้ก่อเหตุให้ลูกค้าช่วยแจ้งเบาะแส และเตือนร้านค้าระมัดระวังตกเป็นเหยื่อ
วันนี้ (5 ก.ย.) นางแจ่มจันทร์ เวสะมุลา อายุ 63 ปี เจ้าของร้านขายของชำชื่อร้าน “ฉัตรเงิน” ในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนักหลังถูกคนร้ายเป็นหญิงจำนวน 3 คน อายุราว 30-40 ปี หมุนเวียนกันเข้ามาก่อเหตุลักขโมยสิ่งของโดยเฉพาะเหล้า บุหรี่ ภายในร้านช่วงที่เผลอหรือกำลังยุ่งกับการขายของมากกว่า 20 ครั้ง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกลักขโมยกว่า 300,000 บาท แม้ทางร้านจะนำหลักฐานภาพพฤติกรรมของคนร้ายขณะก่อเหตุที่กล้องวงจรปิดซึ่งทางร้านติดตั้งไว้บันทึกภาพได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งในภาพเห็นใบหน้าและพฤติกรรมชัดเจน แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้
โดยภาพวงจรปิดจะเห็นคนร้ายสะพายเป้เดินวนเวียนภายในร้านทำทีคล้ายกับเลือกสินค้าเหมือนกับลูกค้าทั่วไป จากนั้นอาศัยจังหวะที่เจ้าของหรือลูกน้องภายในร้ายกำลังยุ่งกับการขายของ ฉกเอาเหล้า บุหรี่ใส่กระเป๋าเป้แล้วเดินออกจากร้านไป แม้ทางร้านจะติดป้ายที่มีข้อความว่า “ขโมยของปรับ 100 เท่า” แต่คนร้ายไม่ได้สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวแต่อย่างใด
นางแจ่มจันทร์ เจ้าของร้านบอกว่า ปกติร้านจะเปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น.ทุกวัน แต่ละวันจะมีลูกค้าทั้งขาประจำและคนที่ไม่รู้จักมาเลือกซื้อสินค้าในร้านจำนวนมาก ทางร้นจึงได้เฝ้าระมัดระวังป้องกันการก่อเหตุขโมยของอย่างรอบคอบ ทั้งการวางสินค้าราคาแพงไว้ในที่ที่มองเห็นชัดเจน ตรวจนับก่อนวางโชว์ และติดกล้องวงจรปิดกระจายตามจุดต่างๆ ในร้านจำนวน 14 ตัว ทั้งติดป้ายขโมยของปรับ 100 เท่า แต่คนร้ายยังไม่เกรงกลัวและฉวยโอกาสช่วงที่คนในร้านเผลอ หรือยุ่งกับการขายของ ลักขโมยเหล้า บุหรี่ไปหลายครั้ง จึงได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบมีหญิงต้องสงสัยอยู่ 3 คน เพราะจะหมุนเวียนกันเข้ามาเลือกของในร้าน บางครั้งมาคนเดียวบางครั้งมา 2 คน แต่ละครั้งจะสะพายกระเป๋ามาด้วย แต่เมื่อหยิบสิ่งของไปแล้วก็หายไปในจุดลับตา สักพักเดินหายออกจากร้านไปโดยที่ไม่ซื้อของแต่อย่างใด
นางแจ่มจันทร์บอกอีกว่า แต่ที่รู้สึกน้อยใจคือเมื่อนำหลักฐานภาพวงจรปิดพฤติกรรมคนร้ายไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับได้รับคำตอบว่าให้จับคนร้ายเอง และพิจารณาปรับค่าเสียหายเองเลย ทั้งที่ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนแต่กลับได้รับคำตอบแบบนี้ ที่ผ่านมาเคยใช้ภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานจับตัวผู้ลักขโมยของในร้านเองมาแล้ว 2 ราย และปรับเงินค่าเสียหายตามจำนวนสินค้าที่เอาไป แต่ไม่คิดจะมีคนร้ายมาก่อเหตุซ้ำอีก
จากกรณีที่เกิดขึ้นทางร้านเตรียมติดกล้องวงจรปิดเพิ่มอีก 4 ตัว รวมเป็น 18 ตัว เพื่อใช้จับภาพพฤติกรรมคนร้าย ทั้งได้พรินต์ภาพใบหน้าผู้ก่อเหตุลักขโมยของที่ร้านจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ แจกจ่ายให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อของภายในร้าน ให้ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบผู้ที่มีรูปพรรณในลักษณะดังกล่าว จึงอยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วด้วย พร้อมกันนี้ยังได้แจ้งเตือนร้านค้าต่างๆ ให้ระมัดระวังจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มแก๊งลักขโมยดังกล่าวด้วย
