สุรินทร์ - ดรามา “เต้าหู้ไข่”! ครูสาวเมืองช้างแจงคลิปสั่งให้นักเรียนหญิงกราบขอขมาหน้าเสาธง เหตุอ้างกินแกงจืดเต้าหู้ไข่อาหารกลางวันโรงเรียนเป็นพิษเข้าโรงพยาบาลทำให้โรงเรียนเสียหาย เผยถึงขั้นต้องกินพิสูจน์ต่อหน้าผู้ปกครองและครูไม่พบอาการแพ้อาหาร สุดท้ายนักเรียนยอมกราบขอขมาครู-ลูกศิษย์กอดกันกลม
วันนี้ (31 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนด้วยภาพคลิปวิดีโอที่ถูกแอบถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ เป็นภาพเหตุการณ์กรณีเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6)โรงเรียนบ้านลำหาด ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ นักเรียนมีอาการป่วยแล้วไปรักษาที่ โรงพยาบาลสังขะ แพทย์วินิจฉัยว่าแพ้อาหาร พอครูทราบเรื่องว่าเด็กมาพูดทำให้เสียหายเกี่ยวกับอาหารกลางวัน จึงเรียกให้เด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าวมากราบขอขมาที่บริเวณหน้าเสาธงท่ามกลางนักเรียนหลายร้อยคน
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่โรงเรียนบ้านลำหาด ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเข้าพบนายคงฤทธิ์ ไชยแสนท้าว ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านลำหาด และได้เรียกคุณครูที่ปรากฏภาพในคลิปมาชี้แจงข้อเท็จจริง ทราบชื่อต่อมาคือ นางชื่นกมล จรดรัมย์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สอนวิชาวิทยาศาสตร์ และรับผิดชอบงานฝ่ายปกครอง
จากการสอบถามทราบว่ากรณีดังกล่าวได้มีการทำบันทึกข้อความ เรื่อง ขอความอนุเคราะห์สำรวจนักเรียนที่แพ้อาหาร แจ้งไปยังครูประจำชั้นอนุบาลที่ 1-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระบุข้อความว่า นางชื่นกมล จรดรัมย์ รับผิดชอบงานอนามัยนักเรียนโรงเรียนบ้านลำหาด และโครงการอาหารกลางวัน ได้เข้าประชุมในวันที่ 31 ก.ค. 2559 กับ นางสังวาลย์ สระแก้ว ตามหนังสือของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเขต 3 ร่วมกับนักวิชาการจากโรงพยาบาลปราสาท และเจ้าหน้าที่โภชนาการของสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง การจัดทำอาหารให้เหมาะกับวัย และถูกโภชนาการ ได้ปรึกษาแม่ครัวเห็นว่า การให้นักเรียนรับประทานโปรตีนจากถั่วเหลืองแทนเนื้อสัตว์ในวันธรรมสวนะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพนักเรียน และยังเป็นการสนองนโยบายโรงเรียนวิถีพุทธ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2559 เวลา 13.30 น. ได้รับแจ้งจากแม่ครัวจะมีการปรับเปลี่ยนรายการอาหาร เนื่องจากที่นักเรียนได้รับประทาน ครูให้ข้อมูลว่า นักเรียนมีอาการแพ้เต้าหู้ไข่ (จากการตรวจสอบสมุดบันทึกการให้ยาของนักเรียนที่ผ่านมาถึงวันที่ 24 ส.ค. 2559 ไม่มีนักเรียนมาขอใช้ยาที่เกิดจากอาการแพ้อาหาร) จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการสืบข้อมูลต่อไป เพื่อแก้ไขการพัฒนางานด้านโภชนาการที่จะเป็นประโยชน์กับนักเรียนและแจ้งต่อสาธารณสุขต่อไป ตามโปรแกรม Thai School Lunch
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเด็กนักเรียนชั้น ป.3 ที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนและเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนบ้านลำหาดรับประทานอาหารกลางวันเมนูแกงจืดเต้าหู้ไข่ ไม่มีใครแพ้อาหาร มีเพียงพี่นักเรียนผู้หญิงแพ้อาหารเพียงคนเดียวเพราะไม่เคยรับประทาน
ขณะที่ เด็กหญิง ก (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ป.6 ที่แพ้แกงจืดเต้าหู้ไข่ กล่าวว่า ตนรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนด้วยแกงจืดเต้าหู้ไม่ใส่เส้น พอรับประทานอาหารเสร็จก็ออกไปข้างนอกโรงอาหารเพื่อซื้อน้ำดื่ม กลับมานั่งเล่นกับเพื่อนๆ พอเวลาช่วงประมาณ 14.00-15.00 น. เริ่มมีอาการคันที่บริเวณท้องและเริ่มมีผดผื่นขึ้น ก่อนออกมาเล่นวอลเลย์บอลกับเพื่อน พอช่วงเย็นยิ่งมีผดผื่นมากขึ้น พอไปหาหมอได้ฉีดยาแก้แพ้ 1 เข็ม พร้อมจ่ายยาให้มารับประทานที่บ้าน หมอบอกว่าแพ้อาหาร ซึ่งตนคิดว่าคงแพ้เต้าหู้ไข่
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้เรื่องนี้จบแบบไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว โดยไม่ต้องบอกว่าใคร ถูกใครผิดระหว่างครูกับนักเรียน
ด้าน นางชื่นกมล จรดรัมย์ (ครูเล็ก) ครูผู้รับผิดชอบโครงการอาหารกลางวัน โรงเรียนบ้านลำหาด กล่าวว่า อาหารกลางวันทางโรงเรียนเสริมเมนูเต้าหู้ไข่ ซึ่งเต้าหู้ไข่นั้นจริงแล้วถือว่าราคาแพง เพราะงบประมาณที่ทาง อบต.ทัพทันสนับสนุนให้เพียง 3,360 บาทสำหรับจัดเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียนจำนวน 234 คน แล้วงบฯ ได้มาแค่ 173 คน แต่ต้องทำเลี้ยงทั้งโรงเรียน ซึ่งเต้าหู้ไข่หลอดละ 10 บาท ต้องไปเจียดงบฯ กว่าจะได้มา
กรณีเรื่องเด็กรับประทานเต้าหู้ไข่แล้วแพ้นั้นเกิดจากมีคุณครูคนหนึ่งมาบอกกับแม่ครัว ว่ามีเด็กรับประทานแล้วแพ้ แต่กลับไม่มีใครบอกว่าเด็กคนไหน เพื่อจะได้นำไปตรวจเลือดเพราะตนรู้ว่าถั่วเหลือง ถั่วลิสง หากแพ้แล้วมันอันตราย โดยทำบันทึกให้ครูสำรวจมา ปรากฏว่าเด็กคนนี้จากการสืบปรากฏว่าป่วย จึงได้สอบถามว่าเป็นจริงหรือไม่ พร้อมเชิญผู้ปกครองมาที่โรงเรียนเพื่อขอทดสอบ คุณแม่บอกอนุญาตและมานั่งดูด้วย โดยตนจะดูตลอด 24 ชั่วโมง
โดยขออย่างเดียวหากมันไม่ใช่ขอให้เด็กมากราบขมาคุณครูได้หรือไม่ เพราะมีการพูดทำให้โรงเรียนบ้านลำหาดเสียหาย ซึ่งแม่เด็กไปพูดที่โรงพยาบาลสังขะว่าลูกเขากินอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านลำหาดทำให้ลูกต้องเข้าโรงพยาบาล
ทั้งนี้ หลังจากทดสอบดูและพิสูจน์แล้วว่าเด็กไม่แพ้เต้าหู้ไข่ ซึ่งได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และได้บอกครูทุกคนว่าเด็กไม่แพ้เต้าหู้ไข่ โดยสังเกตจากมือ แขน และร่างกาย ปรากฏว่าไม่มีอาการแพ้ ฉะนั้นในวันจันทร์ให้นักเรียนมากราบคุณครูหน้าเสาธง เด็กก็เข้ามา
สำหรับภาพในคลิปดูเหมือนครูต่อว่านักเรียนแรงนั้น ตนยอมรับว่าเป็นคนที่พูดแรง พูดหนัก เป็นคนที่มีเหตุมีผล เป็นครูวิทยาศาสตร์เชื่อถือได้ หากผู้ปกครองบอกว่ากินอันนั้นแพ้ กินอันนี้แพ้ ทุกคำพูดต้องมีหลักฐาน และต้องพิสูจน์ได้ หากไปเชื่อทุกคนเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านลำหาดคงไม่ต้องกินอะไรกัน
ส่วนเด็กนักเรียนผู้ชายที่เห็นในคลิปนั้นเป็นพี่ชาย เดินขึ้นมาเพราะเห็นน้องสาวเขาไม่ยอมกราบขอขมาครู น้องสาวได้แต่ร้องไห้ คือไม่รู้ว่าจะทำอะไร พี่ชายเลยขึ้นมาสั่งน้อง บอกว่า เมื่อเราผิด เรากราบคุณครูเลย ซึ่งที่บอกว่าผิดคือเด็กโกหก และพอกราบเสร็จตนให้นักเรียนทุกคนปรบมือ พร้อมกับนั่งลงลูบหัวสวมกอดลูกศิษย์ และพูดว่า ครูรักลูกศิษย์ทุกคน นี่คือตัวอย่างของเด็กที่ดี เมื่อเราทำผิด แล้วกล้ายอมรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นหากวันหนึ่งโตไปเป็นผู้ใหญ่ ไปพูดบอกว่ากินตรงนั้นแพ้ กินตรงนี้แพ้ แล้วหากเป็นร้านอาหารใหญ่ๆ เขาฟ้องร้องเอาได้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์กราบขอขมานี้ตนไม่ทราบว่ามีการถ่ายคลิปเอาไว้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่ตนทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ครูสอนนักเรียน ดูแลเด็กนักเรียนให้ดีที่สุด