มหาสารคาม - สุดเศร้าแม่เดินทางมาเยี่ยมลูกสาว ขากลับนั่งรถบัส ป.2 กลับสุรินทร์ ถูกคนขับเดนนรกส่งผู้โดยสารลงเกือบหมดที่ร้อยเอ็ด เหลือผู้โดยสารเพียงคนเดียว เกิดโลภลงมือทำร้ายชิงทรัพย์ บาดเจ็บสาหัส ก่อนหักรถเข้าทางหมู่บ้านหวังนำศพเหยื่อไปทิ้ง แต่รถติดหล่มทั้งมีคนเห็น เผ่นแน่บพร้อมทรัพย์สินเหยื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งล่าตัวแล้ว
พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตาร้อยเวร สภ.พยัคฆภูมิพิสัย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม รับแจ้งมีเหตุรถบัสโดยสารปรับอากาศ ป.2 พลิกคว่ำอยู่ถนนกลางทุ่งนาระหว่างบ้านดงบากหนองตาเต็น-บ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย เหตุเกิดเมื่อเย็นวานนี้ (27 ส.ค.) จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พบรถบัสโดยสารปรับอากาศร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ ทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด หมายเลขข้างรถ 275-6 ป.2 สภาพตะแคงอยู่ข้างถนน
จากการตรวจภายในรถพบคราบเลือดตกอยู่ที่เบาะนั่งผู้โดยสารหมายเลข 4-5 และพบค้อนปอนด์เปื้อนเลือด พร้อมเงินสด จำนวน 27,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ไต้เบาะรถ จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุห่างจากรถโดยสารประมาณ 50 เมตร กลางทุ่งนา ยังพบคนเจ็บเป็นหญิงวัยกลางคน ทราบชื่อคือ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 16 ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ มีบาดแผลที่ใบหน้า และศีรษะ อาการสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบพบว่า คนขับรถชื่อ นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 16 บ้านดงเค็ง ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้หายตัวไป
พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย เปิดเผยว่า จากตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางลูกรังระหว่างหมู่บ้าน ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 5 กิโลเมตร บนรถพบค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ตกอยู่แ ละมีคราบเลือด จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า รถคันดังกล่าวขับเข้ามาจากปากทางบ้านหนองผือ ผ่านบ้านดงบาก มุ่งหน้าบ้านผ่านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเส้นทางดังกล่าวไม่เคยมีรถบัสสัญจรผ่านมาเลย เพราะทางแคบ รถไม่สามารถสวนทางกันได้ เป็นทางที่ใช้ระหว่างหมู่บ้านเท่านั้น
คาดว่าคนร้ายน่าจะทำร้ายผู้โดยสารมาจากที่อื่นแล้วเห็นว่าผู้บาดเจ็บน่าจะเสียชีวิตแล้ว จึงขับเข้ามาจะมาทิ้งศพ แต่ว่ารถมาติดหล่มเสียก่อน ต่อมา มีวัยรุ่นในหมู่บ้านมาพบจึงเข้าดูเหตุการณ์ คนขับรถจึงจ้างให้เด็กวัยรุ่นไปซื้อเหล้าขาวมาให้ จากนั้นได้ลากผู้บาดเจ็บลงจากรถไปยังทุ่งนาข้างๆ เพื่อจะนำไปทิ้ง ก่อนที่เด็กวัยรุ่นจะนำเหล้าขาวมาส่งให้ ต่อมา มีผู้ใหญ่มาพบเห็นรอยลาก จึงเข้าสำรวจก่อนจะพบผู้บาดเจ็บ และได้ช่วยเหลือ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการตรวจสอบพบบัตรประชาชนคนขับรถ ชื่อ นายวัชรินทร์ ประทุมพร จึงนำรูปหน้าบัตรให้เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านดู ซึ่งยืนยันว่า เป็นบุคคลคนเดียวกัน และจากการสอบทราบญาติของผู้ตายทราบว่า ทรัพย์สินที่หายไปมีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมือหนัก 1 บาท ส่วนแหวนทองคำ และเงินสดอีก 27,000 บาท ที่ผู้ตายซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้ายังอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่นิ่งนอนใจได้เร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ด้าน นายสุพล บุญเกิด เจ้าของรถบัสคันดังกล่าวเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นายวัชรินทร์ ว่า ได้ส่งผู้โดยสารลงจากรถหมดที่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงให้ตีรถเปล่ามาที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อนำรถเข้าคิวรถที่จะวิ่งรถในวันรุ่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่ามีผู้โดยสารมาได้อย่างไร มารู้ข่าวอีกทีมีคนโทร.มาบอกว่า รถเกิดอุบัติเหตุตกถนน ตอนแรกคิดว่าตกถนนสายหลัก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ปกติแล้วรถจะวิ่งระหว่างร้อยเอ็ด ผ่าน อ.วาปีปทุม อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ไปยัง อ.สตึก และจังหวัดบุรีรัมย์
ซึ่ง นายวัชรินทร์ เมื่อก่อนเป็นเด็กรถ เติบโตมากับวงการรถ เป็นคนปกติ ไม่คิดว่าจะมาทำเรื่องแบบนี้ เมื่อคืนนี้ได้โทรศัพท์ไปหาก็โทร.ติดแต่ไม่รับโทรศัพท์ แต่ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงแค่จ้างรถแบ็กโฮมาช่วยเอารถขึ้น และได้นำรถไปไว้ที่ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบต่อไป
ขณะที่บรรยากาศงานศพของ นางบุญเพ็ง ปัญโญ ญาติได้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 1 บ้านชาดใหญ่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมงานศพจำนวนมาก ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์แบบนี้ หลายคนต่างสาปแช่งคนร้ายขอให้ตายตกไปตามกัน
ด้าน นางสมพร ปัญโญ อายุ 39 ปี บุตรสาวของผู้ตายกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.59) เวลาประมาณ 13.30 น. น้าชายได้ไปส่งแม่ขึ้นรถที่บริเวณศาลาปากทางบ้านนาฝาย จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ภายหลังจากมาเยี่ยมตน และพี่สาวของแม่ที่ป่วยที่บ้านชาดใหญ่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. ได้โทร.หาแม่อีกครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เกิดเป็นห่วงจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามญาติที่ จ.สุรินทร์ ว่าแม่เดินทางไปถึงหรือยัง
แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่ถึงบ้านที่สุรินทร์ จึงโทร.หาแม่อีกครั้ง ซึ่งแม่รับโทรศัพท์แล้วบอกว่า “ช่วยแม่ด้วย เค้าตีแม่ มันมัดแม่ไว้ มืดไปหมด แม่จะตายแล้ว” จากนั้นจึงโทรศัพท์หากำนัน และแจ้งตำรวจเพื่อดักสกัดรถแต่ก็ไม่ทันการณ์ ซึ่งระหว่างที่เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟัง นางสมพร ก็ร้องไห้อย่างหนัก เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง โดยศพของ นางบุญเพ็ง ปัญโญ จะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) ที่วัดชาดใหญ่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เวลา 14.00 น.
