xs
xsm
sm
md
lg

วอนช่วยหนูน้อยชาวเพชรปานดำลุกลามเกือบทั่วตัววัย 5 ขวบ ถูกพ่อแม่ทิ้งอยู่กับยายที่มีฐานะยากจน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพชรบุรี - วอนช่วยเหลือ “หนูน้อย” ชาวเพชรบุรี วัย 5 ขวบ เป็นปานดำลุกลามเกือบทั่วตัว ไม่มีเงินรักษา ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้ให้อยู่กับยายวัย 67 ปี ที่มีฐานะยากจน แพทย์แนะให้รีบนำตัวผ่าตัด หวั่นหนูน้อยเกิดอันตรายถึงชีวิตหากปานดำลุกลามรอบตัว

วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนหนองตาฉาว ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ ด.ญ.ปภาศิริ หรือน้องมุ่ย โพธิ์ทอง อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ โดย ด.ญ.ปภาศิริ เกิดมามีร่างกายผิดปกติที่บริเวณผิวหนังบริเวณลำตัวหน้าหลังจะมีปานดำขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ รวมถึงตามร่างกาย และใบหน้าเริ่มมีจุดดำเล็กๆ ขึ้นไปทั่วร่างกาย ซึ่ง ด.ญ.ปภาศิริ ปัจจุบันอาศัยอยู่กับยายซึ่งมีฐานะยากจน และไม่มีเงินรักษา จึงวอนขอให้ผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือในการนำ ด.ญ.ปภาศิริ เข้ารีบการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช

หลังจากนั้น ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 150 หมู่ 2 บ้านหนองตาฉาว อยู่ห่างจากโครงการไร่ชั่งหัวมันตามพระราชดำริ ประมาณ 8 กม. ลักษณะบ้านเป็นปูนชั้นเดียว หลังคาสังกะสี สภาพเสื่อมโทรม ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีแต่ที่นอนหมอนมุ้ง และโทรทัศน์เก่าๆ อีก 1 เครื่อง ในบ้านพบ นางวันดี บัวเจริญ อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นยาย และเป็นผู้ที่ดูแลของ ด.ญ.ปภาศิริ อยู่ในปัจจุบัน

จากการดูร่างกายของ ด.ญ.ปภาศิริ พบว่า ที่บริเวณแผ่นหลังมีปานดำขนาดใหญ่ลักษณะเนื้อย่นและมีขนขึ้นปกคลุมอยู่เต็มแผ่นหลัง ลุกลามไปทั่วสีข้างทั้ง 2 ด้านมาถึงหน้าอก และท้องด้านหน้า เหลือระยะห่างประมาณ 3-4 นิ้ว ก็จะชนกันที่บริเวณหน้าอก นอกจากนี้ ที่บนศีรษะ ขา แขน นิ้วมือ และใบหน้ายังพบมีปานดำขนาดเล็กขึ้นกระจายอยู่จนทั่ว

นางวันดี กล่าวว่า น้องมุ่ย เป็นบุตรของ น.ส.รสสุคนธ์ ฤทธิ์บัว ซึ่งเป็นหลานสาว และนายภานุพงศ์ โพธิ์ทอง โดยทั้ง 2 ได้เลิก และแยกทางกันเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน และได้ทิ้งน้องมุ่ย ให้ตนเลี้ยงดูเพียงลำพัง โดย น้องมุ่ย มีปานดำติดตัวมาตั้งแต่แรกคลอด ตอนอายุได้ประมาณ 1 เดือน ตนได้พาไปพบแพทย์ที่ รพ.ชะอำ ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี และส่งต่อไปที่ รพ.ศิริราช

โดยแพทย์ที่ รพ.ศิริราช บอกว่า ปานดำที่ตัวน้องมุ่ย จะลามใหญ่ตามตัวไปเรื่อยๆ ต้องทำการรักษาโดยการฉายแสงเพื่อยับยั้งเซลล์ และผ่าตัดนำผิวหนังที่ขามาปลูกทดแทน หากปล่อยไว้จนปานดำที่ด้านหลังแผ่ขยายลามออกไปจนไปชนกันถึงหน้าอกน้องมุ่ย อาจจะมีอาการหายใจไม่ออก และอาจส่งผลถึงชีวิตได้ แต่หลังจากกลับมาแล้วก็ไม่ได้พาน้องมุ่ยไปหาหมออีกเพราะไม่มีเงินที่จะพาไปรักษา และทำการผ่าตัด

ตอนแรกๆ น้องมุ่ย ยังไม่ค่อยมีอาการอะไร แต่พออายุได้ประมาณ 2-3 ขวบ ปานดำเริ่มมีขนขึ้นทั่วบริเวณ ช่วงอากาศร้อน และตอนกลางคืนน้องมุ่ย จะมีอาการคัน และมีไข้ขึ้นสูงทุกครั้ง ขณะนี้ปานดำได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วแผ่นหลังสีข้าง และกำลังจะมาบรรจบที่หน้าอก ตนสงสารน้องมุ่ยมากกลัวน้องมุ่ย จะเสียชีวิต แต่ก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่ไหนมารักษา

ทุกวันนี้ตนร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง หูก็ฟังไม่ค่อยได้ยิน แต่ก็ต้องกัดฟันออกไปของานจากชาวบ้านทำเพื่อนำเงินค่าแรงซึ่งได้วันละ 150-300 บาท มาซื้อนม ผ้าอ้อม และซื้อยามารักษาน้องมุ่ย ตามมีตามเกิด และต้องเผื่อแผ่ไปเลี้ยงลูกของหลาน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ และ 5 ขวบ อีก 2 คน

“หากวันไหนตนป่วย หรือฝนตกก็ทำงานไม่ได้ไม่มีเงินก็อดกันทั้งครอบครัว วอนขอผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือนำตัวน้องมุ่ย ไปรักษาให้ปานดำหายไปจากตัวน้องมุ่ย ด้วย ตนสงสารหลานมากไม่อยากให้ต้องเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย” นางวันดี กล่าวทั้งน้ำตา

ขณะนี้อาการของ น้องมุ่ย กำลังอยู่ในขั้นลุกลามเป็นแผ่นปานขนาดใหญ่ไปทั่วร่างกาย และกำลังลุกลามเข้าไปที่ดวงตา ผู้ที่จิตเมตตาต้องการช่วยเหลือนำน้องมุ่ย ไปรักษาตัว หรือช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์สามารถติดต่อได้ที่ นางวันดี บัวเจริญ หมายเลขโทรศัพท์ 09-0150-8774 หรือบริจาคได้ที่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (โครงการ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาท่ายาง บัญชีเลขที่ 020006610948



กำลังโหลดความคิดเห็น