ประจวบคีรีขันธ์ - รอง ผบ.ตร.ลงหัวหิน เรียกประชุมตำรวจภาค 7 ตร.ประจวบฯ พร้อม จนท.ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งคลี่คลายคดีคนร้ายวางระเบิดที่หัวหิน เผยตนจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเอง ยันตำรวจทำงานเต็มที่ ระบุคนร้ายที่ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 2 ราย พร้อมเดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งชาวไทย และต่างชาติ
วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดในเมืองหัวหิน เมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค.บริเวณย่านบาร์เบียร์ และช่วงเช้าวันที่ 12 ส.ค.ที่บริเวณหอนาฬิกาที่ผ่านมาว่า วันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และคณะ ได้เดินทางมาประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุม สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเร่งติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.7 พล.ต.ต กษณะ แจ่มสว่าง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน ตำรวจกองปราบปราม ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจหัวหิน และตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 ฝ่ายปกครอง ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เป็นต้น
พร้อมกันนี้ รอง ผบ.ตร.ยังได้ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช และตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และจังหวัดที่เกิดเหตุในภาคไต้ทั้งหมดเพื่อมอบนโยบายการทำงานด้วย โดยการประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และคณะได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง คือ จุดแรกที่ร้านจอนห์นี่ 56 ย่านบาร์เบียร์ด้านหลังโรงเรียนเทศบาลบ้านหัวหิน จุดที่ 2 บริเวณแยกเสละคาม ย่านบาร์เบียร์ และจุดที่ 3 ซึ่งเกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้ง คือ บริเวณหอนาฬิกา หน้าโรงเรียนเทศบาลบ้านหัวหิน พร้อมกันนี้ ได้มีการจำลองสถานการณ์จุดที่คนร้ายวางระเบิดซึ่งถูกบรรจุไว้ในกระป๋องมันมันฝรั่งทั้ง 3 จุด และจุดที่พบชิ้นส่วนประกอบระเบิด ทั้งชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่ และลูกปรายจำนวนมาก
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ยังคงนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลซานเปาโล จำนวน 3 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด โรงพยาบาลหัวหิน จำนวน 5 ราย เป็นชาวเยอรมัน 1 คน ที่เหลือเป็นคนไทย ทั้งหมดอาการดีขึ้นพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยสำหรับชาวต่างชาตินั้น รอง.ผบ.ตร.ได้สอบถาม และขอให้รายละเอียดต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้บาดเจ็บในส่วนชาวต่างชาติไม่ติดขัด และขอบคุณที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนจนคดีมีความคืบหน้า
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ในวันนี้มีการติดตามความคืบหน้าในทุกจังหวัดที่เกิดเหตุ ซึ่งในกรณีนี้ตนจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 โดยในวันนี้ได้มีการสั่งการไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ทำการเพิกถอนหมายของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจาก EOD ระบุชัดเจนแล้วกว่าเป็นวัตถุระเบิด ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตามคำสั่งของ คสช.ในการขึ้นศาลทหาร ขณะนี้จะมีการรวมรวมพยานหลักฐานใหม่ และคาดว่าน่าจะนำสวน และหลักฐานยื่นฟ้องต่อศาลทหารได้ประมาณสัปดาห์หน้า
ในส่วนของความคืบหน้าการก่อเหตุที่อำเภอหัวหิน คดีมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ ส่วนจะออกหมายจับได้เมื่อไรยังตอบตอนนี้ไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และการตรวจสำนวน แต่ในเบื้องต้น ยอมรับว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในอำเภอหัวหิน มีไม่ต่ำกว่า 2 ราย ส่วนคนร้ายจะยังอยู่ในพื้นที่หรือหลบหนีไปก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นเรื่องของสำนวน แต่ยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ยืนยันมีหลักฐานเอาผิดแน่นอน ในเรื่องนี้ทางรัฐบาล และ คสช.ก็กำชับให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ บังคับใช้กฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ตนเองก็ยังมีความเป็นห่วงเรื่องผู้บาดเจ็บ เนื่องจากมีคนไทย และชาวต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งภาพกล้องซีซีทีวีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มา และตรวจสอบพบเห็นผู้ต้องสงสัยเป็นชายด้วยกัน 3 คน โดยสามารถเห็นตอนลงมือวางระเบิดในย่านบาร์เบียร์ และจุดที่เดินออกมาจากตลาดฉัตร์ไชย หลังจากนำระเบิดเพลิงไปวางไว้ในตลาดฉัตร์ไชยทั้ง 2 จุด และคาดว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยลงมือในวันที่ 10 ส.ค.เพียงวันเดียว
จุดแรกวางระเบิดในย่านบาร์เบียร์ 2 จุดก่อน หลังจากนั้นจึงไปวางที่บริเวณหอนาฬิกา และในตลาดฉัตร์ไชย ก่อนที่จะหลบหนีออกจากพื้นที่ในวันเดียวกัน ซึ่งทางตำรวจได้เห็นภาพหน้าตาผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุอย่างชัดเจน และยังทราบชื่อของทั้ง 3 รายหมดแล้ว และอยู่ระหว่างติดตามตัว ซึ่งยังคงอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้น เชื่อมั่นว่าทั้ง 3 คนไม่สามารถหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในขณะนี้
ด้าน นายสมชาย เทพเจริญนิรันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน กล่าวว่า ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวหินรวม 5 ราย ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ 1 ราย ทั้งที่โดนสะเก็ดระเบิดฝังในกะโหลกศีรษะด้านซ้ายแต่ไม่โดนเนื้อสมอง อาการพ้นขีดอันตราย
ส่วนชาวเยอรมัน มีกระดูกแตกทึ่ข้อศอ กและทางแพทย์ได้ผ่าตัด และใส่เหล็กให้แล้ว ก็ไม่น่าเป็นห่วง ตอนนี้ภาพรวมอาการผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลหัวหิน พ้นขีดอันตรายหมดแล้ว สำหรับผู้บาดเจ็บทั้งที่โรงพยาบาลเพชรบุรี โรงพยาบาลประจวบฯ ซึ่งทั้งตับฉีก ก็พ้นขีดอันตรายแล้วเช่นกัน โดยขณะที่ทางแพทย์ พยาบาลได้ให้การดูแล และรักษาผู้บาดเจ็บจนกว่าจะหายเป็นปกติ