สระแก้ว - สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสระแก้ว จัดเวทีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ และประเด็นคำถามเพิ่มเติมของจังหวัดสระแก้ว โดยเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกัน
วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่างรายงานว่า ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดเวทีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ และประเด็นคำถามเพิ่มเติม” ของจังหวัดสระแก้ว โดยมีนักการเมือง นักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจ นักวิชาการ สื่อมวลชน นักศึกษา อาสาสมัครต่างๆ ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จำนวนมาก
ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 มาตรา 39/1 วรรค 4 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ และการประกาศผลการออกเสียงประชามติ และจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญและคำอธิบายสาระสำคัญ เพื่อเผยแพร่ด้วยวิธีการใดๆ ให้ประชาชนรับทราบได้โดยสะดวกเป็นการทั่วไป และมาตรา 13 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการจัด และควบคุมการออกเสียงประชามติให้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม
ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนในแต่ละจังหวัดมีความตื่นตัว และมีโอกาสในการรับรู้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ และประเด็นคำถามเพิ่มเติม ตามมาตรา 7 มาตรา 10 และมาตรา 61 วรรค 2 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสระแก้ว จึงจัดเวทีการแสดงความคิดเห็น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกัน และเพื่อประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ รวมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงให้มากที่สุด ตามยุทธศาสตร์ดอกไม้บาน 65 ล้าน บานสะพรั่ง และเป็นที่ยอมรับของประชาชน
นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อว่า การออกเสียงประชามติเพื่อตัดสินว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในเรื่องที่มีความสำคัญ และมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติ หรือกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก่อนจะนำมติ หรือการตัดสินออกเป็นกฎหมาย หรือนำไปปฏิบัติเพื่อบังคับใช้เป็นการทั่วไป นับว่ามีความสำคัญต่อการปกครอง เพราะนั่นหมายถึงประชาชนสามารถตัดสินใจในการออกความคิดเห็นในเรื่องที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองของตนเอง และในครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาไปเป็นแนวทางในการตัดสินใจอย่างอิสระตรงตามความต้องการของตนเอง