อุดรธานี - พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศมุ่งหน้าสู่วัดป่าทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี กราบสรีระสังขารหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร หลังมรณภาพอย่างสงบ พร้อมกำหนดประชุมเพลิงสรีระสังขารวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 ณ เมรุชั่วคราววัดถ้ำสหาย
วันนี้ (1 ส.ค. 59) ที่วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต หรือวัดถ้ำสหาย ม.3 ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาต่อหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหญ่ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ที่ละสังขารที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น และนำสรีระสังขารมาไว้ที่วัดถ้ำสหาย ต่างเดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงพ่อประสิทธิ์ที่วัดป่าทับกุงจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัด ต้องเดินเท้าจากประตูวัดขึ้นไปบนเขาจุดตั้งสรีระสังขารราว 500 เมตร โดยมีพระสงฆ์จัดการจราจรเอง
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร เจ้าอาวาสวัดป่าทับกุง ได้มอบหมายให้คณะสงฆ์ และฆราวาสนำสรีระสังขารหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ตั้งไว้บริเวณชั้น 2 ศาลาใหญ่ เพื่อให้ญาติโยมได้สรงน้ำเป็นครั้งสุดท้ายไปจนถึงเวลา 14.00 น. จากนั้นจะประชุมพระผู้ใหญ่เพื่อกำหนดการประกอบพิธี
ขณะที่ลูกศิษย์ได้เตรียมพื้นที่ และนำเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้ามาติดตั้ง ทั้งนี้ยังมีคำสั่งห้ามไม่ให้บันทึกภาพ บันทึกเสียงภายในศาลาเหมือนปฏิบัติตามปกติไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งมีผู้ศรัทธาเดินทางมาตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ หลังจากประชุมคณะสงฆ์ได้ประกาศให้ญาติโยมทราบว่าได้กำหนดการประชุมเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร อายุ 75 ปี 6 เดือน 24 วัน 55 พรรษา ในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 (วันทำประชามติ) ณ เมรุชั่วคราววัดถ้ำสหาย หลังจากนั้นมีการเตรียมก่อสร้างเมรุชั่วคราว บริเวณที่ลาดเดินจงกรมของเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นลานขึ้นไปบริเวณที่เรียกว่าถ้ำสหาย ท่ามกลางความฮือฮาผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขท้าย 2 ตัวคือ 57 ตรงกับอายุของหลวงพ่อพอดี
สำหรับหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร เจ้าอาวาสวัดป่าหมู่ใหญ่ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นชาว ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เป็นพระสายวัดป่ากรรมฐาน เชื่อว่า “บรรลุธรรมขั้นสูง” บวชเป็นสามเณรและบวชเป็นพระเมื่ออายุ 20 ปี มีพระอุปัชฌาย์คือ พระธรรมเจดีย์ เหมือนหลวงตามหาบัว ที่วัดโพธิสมภรณ์อุดรธานี
กระทั่งปี 2545 ท่านประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ เมื่อแพทย์ทำการเอกซเรย์พบว่ากระดูกมีลักษณะเป็นแก้วจนเป็นข่าวฮือฮา เมื่อเกิดอาการอาพาธได้มารักษาอาการที่ จ.ขอนแก่นเพื่อโปรดญาติโยมในอีสาน และยังเอ่ยว่า “คงจะอยู่โรงพยาบาลไม่ได้กลับไปวัด”