ฉะเชิงเทรา - เกลียวพายุหมุนเหวี่ยงซัดวัตถุปริศนาลอยลงมาจากฟากฟ้าตกใส่หลังคาบ้านชาวราชสาส์น ทะลุผ่านพื้นกระดานจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ก่อนหล่นลงไปสิ้นฤทธิ์ลงที่พื้นคอนกรีตใต้ถุนบ้านพร้อมเถ้าถ่าน ขณะเจ้าของบ้านไม่ทันได้ฉุกคิดเก็บกวาดทิ้งลงคลองหน้าบ้าน แต่โชคดีที่บรรดาญาติๆ ได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ให้ดูเป็นหลักฐาน
วันนี้ (27 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางมะลิวัลย์ ทิพนันท์ อายุ 45 ปี ว่า เมื่อช่วงเวลา 18.00 น. วานนี้ (26 ก.ค.) ช่วงที่เกิดเหตุพายุหมุนแบบงวงช้างพัดถล่มในพื้นที่หลายอำเภอในเขต จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ที่บ้านของ นายอติเรก ด่านอรุณ อายุ 57 ปี เลขที่ 52 ม.6 ต.บางคา อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นอาซึ่งเป็นบ้านกงสีรวมของเครือญาติทั้งหมดนั้นได้ถูกพายุพัดเสยเหวี่ยงเอาหลังคาบ้านปลิวลอยหายไปเกือบครึ่งหลัง
แต่ในขณะเดียวกัน ยังได้พบร่องรอยของวัตถุประหลาดที่ปลิวหล่นปนลงมากับพายุจากฟากฟ้าด้วย โดยวัตถุดังกล่าวนี้มีลักษณะที่คล้ายกับก้อนหิ นมีผิวขรุขระทรงรีสีเงินเงาแบบตะกั่วปนดำ มีน้ำหนักหน่วงมือพอประมาณ ขนาดความยาวประมาณเกือบ 2 ซม. กว้างประมาณ 8 มม. ตกลงมากองอยู่ที่พื้นคอนกรีตที่บริเวณใต้ถุนบ้าน พร้อมด้วยเศษเถ้าถ่านสีดำปรนขาว และมีรอยไหม้เป็นวงอยู่ที่พื้นด้วย
นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยของการตกลงมาจากทางด้านบนของหลังคาบ้านที่ทะลุเป็นรูโหว่ที่แผ่นกระเบื้องมุงหลังคา ซึ่งมีรูปทรงรีคล้ายๆ กัน แต่มีขนาดรูที่ใหญ่กว่ามาก คือ เป็นรูกว้างประมาณ 9 ซม. ยาวประมาณ 13 ซม. และยังมีรูโหว่ลักษณะบิดเฉือนเนื้อไม้เป็นเกลียวทะลุผ่านลงไปบนแผ่นกระดานปูพื้นบ้านที่มีความหนาของเนื้อไม้มากถึงกว่า 1 นิ้ว แบบรูทรงกลมขนาดความกว้างประมาณ 3 ซม. โดยเนื้อไม้มีร่องรอยฉีกขาดแบบตัดขวางกับเสี้ยนเนื้อไม้ กว้างมากถึง 5 ซม. และยาว 13 ซม.
ขณะที่ใต้พื้นกระดานซึ่งเป็นรูทะลุออกของวัตถุนั้นกลับมีรอยฉีกเป็นแนวยาวตามเนื้อไม้ลักษณะเกือบจะตั้งฉากเป็นรูปกากบาทกับทางด้านบนฝั่งรูขาเข้า โดยมีรอยเนื้อไม้ฉีกออกกว้างมากกว่า ประมาณ 15 ซม. ยาว 20 ซม. และภายในรูที่วัตถุวิ่งทะลุผ่านไปนั้นยังมีลักษณะผิวเป็นมันเลี่ยมจนเห็นเป็นเงาสีขาวแกรมดำเทา หรือสีเงิน ที่พื้นคอนกรีตด้านล่างยังพบร่องรอยเถ้าถ่านของการลุกไหม้เป็นวงกว้างประมาณ 10 ซม. และมีรัศมีการกระจายของเศษเถ้าประมาณ 20 ซม.
ซึ่งครั้งแรกคนในบ้านนั้นไม่ได้มีใครให้ความสนใจ เพราะต่างคนก็ต่างวุ่นวายไปกับการที่จะหาทางหลบแรงลมพายุ และสายฝน พร้อมกับลูกเห็บที่พัดกระหน่ำตกลงมา กระทั่งเหตุการณ์ผ่านพ้นไปจนลมพายุ และฝนเริ่มสงบลง จึงต่างพากันเข้ามาช่วยกันเก็บข้าวของในบ้านบริเวณที่หลังคาเปิดปลิวหายไปหลบเข้ามาในตัวบ้านส่วนที่ยังเหลือ และเก็บกวาดพื้นบ้านที่ยังคงมีน้ำขังท่วมนองอยู่เต็มไปหมด จนมาพบกับวัตถุดังกล่าวจมอยู่ในน้ำฝนที่ยังคงท่วมนองอยู่ในขณะที่กำลังที่จะกวาดพื้นทิ้ง และยังพบเศษเถ้าถ่านดังกล่าวตรงบริเวณจุดที่พบกับเศษวัตถุชิ้นนี้ด้วย
โดยมีญาติอีกคนได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพของวัตถุดังกล่าวเอาไว้ ก่อนที่จะถูกกวาดกองเศษผงเถ้าทิ้งไป ขณะที่บุตรชายของเจ้าของบ้านซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเศษวัตถุที่พบ ได้นำไปขว้างทิ้งลงไปยังภายในลำคลองจระเข้ตายที่ด้านหน้าบ้าน ก่อนที่จะมีชาวบ้านที่ทราบข่าวจากการแชร์ส่งภาพถ่ายของวัตถุออกไปเข้ามาขอดู แต่วัตถุที่ตกลงมาจากฟากฟ้านั้นได้ถูกขว้างทิ้งไปแล้ว
ขณะที่ นายอติเรก กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเก็บข้าวของหนีน้ำฝนมากกว่าจึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับสิ่งที่คนในบ้านพบ จึงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับวัตถุที่ตกลงมาใส่หลังคาบ้านในครั้งนี้