กาญจนบุรี - ไวยาวัจกรวัดป่าหลวงตาบัวฯ พร้อมทนาย เข้ายื่นเอกสารใบ ภบท.5 ต่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เพื่อพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินทั้งของวัด และมูลนิธิฯ ที่กำลังจะถูก ส.ป.ก.ยึดคืนเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวรการปฏิรูปที่ดินในการจัดสรรให้ประชาชนผู้ยากจนได้มีที่ดินทำกิน พร้อมร้อง ส.ป.ก.ยืดเวลาให้โอกาสรวบรวมจนกว่าจะครบ
ความคืบหน้ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาในการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
จากนั้น วันที่ 12 ก.ค.59 นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ลงนามในประกาศสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ 1/2559 เรื่องกำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย เพื่อให้ปฏิรูปที่ดินนำไปประกาศที่หน้าแปลงที่ดินเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีอยู่ จำนวน 15 แปลง ซึ่ง 1 ใน 15 แปลง เป็นของวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ทั้งหมด 1,042 ไร่ ซึ่ง นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี ได้นำประกาศไปติดเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองที่ดินตามประกาศนำเอกสารการครอบครองมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี ภายใน 15 วัน
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (25 ก.ค.) นายศิริ หวังบุญเกิด ในฐานะไวยาวัจกร ที่ได้รับมอบอำนาจจากพระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน และประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พร้อมด้วย นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความ นำหลักฐานเป็นใบภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เพื่อต้องการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินทั้งของวัด และมูลนิธิฯ เนื้อที่ จำนวน 1,042 ไร่ ที่กำลังจะถูก ส.ป.ก.ยึดคืนเพื่อนำไปเข้าสู่กระบวรการปฏิรูปที่ดินในการจัดสรรให้ประชาชนผู้ยากจนได้มีที่ดินทำกิน ตามนโยบายของรัฐบาล
โดย นายศิริ กล่าวว่า หลังจาก ส.ป.ก.กาญจนบุรี นำประกาศสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมที่ 1/2559 ลงวันที่ 12 ก.ค.59 ไปติดประกาศหน้าแปลงแสดงกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก.ที่ซุ่มหัวเสือประตูทางเข้าวัด เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางวัด และมูลนิธิฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด และพยายามรวบรวมเอกสารที่มีอยู่ทั้งหมดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.อย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ทำให้การดำเนินการล่าช้านั้น เนื่องจากวัดป่าหลวงตาบัวฯ และมูลนิธิฯ ได้ปิดตัวลง เนื่องจากกรมอุทยานฯ มาขนย้ายเสือออกไปทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ทำให้หลังจากนั้น พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่เก็บเอกสารการครอบครองที่ดินไม่มีงานทำ และต่างก็แยกย้ายกันไปหางานทำเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งขณะนั้นไม่มีใครทราบมาก่อนว่า คณะ คสช.จะมีประกาศคำสั่งดังกล่าวออกมา จึงทำให้ไม่มีเวลาที่จะเตรียมการอะไรมากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนก็สามารถรวบรวมเอกสารการครอบที่ดินเป็นใบ ภบท.5 ได้มา จำนวน 28 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ มายื่นให้แก่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เพื่อนำไปตรวจสอบ แต่ยังไม่ครบจำนวนของพื้นที่ เพราะที่ดินบางส่วนทางวัดได้มาจากการถวายของลูกศิษย์หลายคน และถวายที่ดินให้วัดมานานกว่า 20 ปีแล้ว
ส่วนตัวนั้นไม่ทราบว่าลูกศิษย์ที่นำที่ดินมาถวายให้นั้นมีใครบ้าง เพราะเพิ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางวัดได้ไม่นานนัก ดังนั้น จะต้องตามหาชาวบ้านที่เคยทำงานอยู่ที่วัดมานานเพื่อสอบถามว่าที่ดินที่เหลือมีใครเป็นผู้ถวายให้แก่วัด เพื่อจะได้ขอเอกสารสิทธิที่มีอยู่มาส่งมอบให้แก่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี เพื่อพิสูจน์สิทธิการครอบครอง และขอให้ ส.ป.ก.กาญจนบุรี ขยายระยะเวลาออกไปให้แก่ทางวัด และมูลนิธิฯ ได้มีเวลามากขึ้นกว่านี้ เพื่อที่จะได้เร่งดำเนินการรวบรวมเอกสารที่เหลือจนกว่าจะครบจำนวนพื้นที่ด้วย
ด้าน นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า การที่ทางวัดนำเอกสารการครอบครองที่ดินมายื่นแสดงสิทธิ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ ส.ป.ก.ก็ประกาศไปแล้วว่าจะให้โอกาสผู้ครอบครองที่ดินมาแสดงสิทธิทุกราย ส่วนเงื่อนไข หรือกรอบระยะเวลาที่เปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 15 แปลง คงต้องดำเนินการไปตาม คำสั่งที่ 36/2559 ลงวันที่ 5 ก.ค.2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาในการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ต่อไป
