ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ควง ผบ.มทบ.33 และผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แถลงจับกุมขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่เตรียมจัดให้ประชาชนออกเสียงลงประชามติ หลังนำกำลังบุกตรวจค้นเป้าหมาย 10 จุดในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เชื่อมีนักการเมืองบงการอยู่เบื้องหลัง แต่ขอเวลาทำการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนก่อน
ช่วงเย็นวันนี้(23 ก.ค.59) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5,พลตรีโกศล ประทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 และนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายวิศรุต คุณะนิติสาร อายุ 35 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่,นายพงศ์พันธ์ จีระวัง ชาวจังหวัดลำพูน และนายสามารถ ขวัญชัย อายุ 63 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผู้ต้องหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559
โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมากจากกรณีตรวจพบการมีการจดหมายปิดผนึกซึ่งมีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดลำปาง จ.ลำปาง และจังหวัดลำพูน รวมทั้งสิ้น 11,181 ฉบับ ในช่วงระหว่างวันที่ 12-15 ก.ค.59 และการตรวจพบใบปลิว Vote No ต่อต้านการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.59 ที่บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการสอบสวนดำเนินคดี ปรากฏว่า ผู้กระทำผิด และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องนั้นอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ โดยต่อมาวันนี้ เจ้าหน้าพนักงานตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 และฝ่ายปกครอง อาศัยอำนาจตาม มาตราที่ 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2559 บูรณาการเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิด เพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้ร่วมกันค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน รวม 10 เป้าหมาย เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และตรวจค้นหาวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
เบื้องต้นการตรวจค้นบ้านเลขที่ 11 ม.1 ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายวิศรุต คุณะนิติสาร บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 473/2559 ลง 22 ก.ค.2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “เผยแพร่ข้อความในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงโดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ออกไม่ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง” โดยผลการตรวจค้นสามารถยึดสิ่งของจำนวน 9 รายการ ไว้เพื่อทำการตรวจสอบ
ต่อมาได้ติดตามจับกุมนายวิศรุต คุณะนิติสาร ได้ที่ห้องเลขที่ 793/97 ลาดพร้าว 101 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตบางทองหลาง กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ ยังได้ตรวจค้นบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด เลขที่ 123 ม.3 ถ.เชียงใหม่-สันกำแพง ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยสามารถยึดสิ่งของได้จำนวน 21 ราย อาทิ เครื่องปริ้นเตอร์ , ซองเอกสาร , ซองจดหมาย และคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ได้มีการค้นบ้านเลขที่ 129 ม.5 ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นบ้านพักของนายพงศ์พันธ์ ได้จับกุม นายพงศ์พันธ์ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 116/59 ลง 22 ก.ค.2559 ฐานกระทำผิด พยายามก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และตรวจค้นบ้านเลขที่ 234/20 ม.6 ต.หนองหอย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสามารถ ขวัญชัย บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 474/2559 ลง 23 ก.ค.2559 กระทำผิดฐาน“เผยแพร่ข้อความในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงโดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ออกไม่ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงหรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง” โดยสามารถจับกุมตัวนายสามารถได้ที่บ้านพัก พร้อมด้วยของกลางจำนวน 6 รายการ ได้แก่ แผ่นปลิวจำนวน 407 ใบ ระบุข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. Vote No” พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีดำ-แดง ป้ายทะเบียน กวง 46 ภูเก็ต
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นไปตามพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน โดยพบว่านายวิศรุต เป็นผู้ที่ลงมือนำจดหมายบิดเบือนเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญไปตระเวนหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนนายพงศ์พันธ์ ลงมือลักษณะเดียวกันในพื้นที่จังหวัดลำปาง ขณะที่นายสามารถ นำใบปลิวที่มีเนื้อหาต่อต้านการออกเสียงลงประชามติไปแจกจ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ในส่วนของนายวิศรุต ยอมรับว่าได้ไปรับจดหมายดังกล่าวจากบริษัทแห่งหนึ่งแล้วนำไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ หลังจากได้รับการไหว้วานจากนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ให้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งนอกจากนายวิศรุตแล้วยังมีคนอื่นๆ อีกที่ร่วมกระทำในลักษณะเดียวกันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจากข้อมูลดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าจดหมายดังกล่าวไม่ได้เป็นการกระทำของฝ่ายรัฐอย่างที่มีบางฝ่ายพยายามตั้งประเด็น แต่เป็นการกระทำโดยกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม
สำหรับการก่อเหตุเผยแพร่จดหมายดังกล่าวทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่,จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูนนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า ในเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกันและมีการดำเนินการเป็นขบวนการใหญ่ ส่วนนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังนั้น เป็นผู้ใดและมีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นใครบ้างนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปชัดเจนลงไปได้ แต่จะเร่งทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยยืนยันว่าจะดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทุกคนอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือผู้ที่มีอิทธิพลใดๆ ก็ตาม
ส่วนกรณีที่เข้าตรวจค้นและเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จาก บริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด ซึ่งเป็นของตระกูล “บูรณุปกรณ์” ที่มีนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหัวเรือใหญ่นั้น เบื้องต้นไม่ขอระบุว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับนายบุญเลิศ หรือไม่ ตลอดจนไม่สามารถบอกได้เวลานี้ว่าจะมีการใช้ ม.44 ในการปลดออกจากตำแหน่งหรือไม่ เพราะยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้บอกได้แต่เพียงว่าหากมีหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนว่าผู้ใดที่กระทำความผิดด้วยก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การกระทำความผิดในกรณีนี้ หากพบว่าข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ รวมทั้งผู้บริหารหรือข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งหากปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเบื้องต้นจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ต้องหาถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่นายวิศรุต คุณะนิติสาร ผู้ต้องหาก่อเหตุนำจดหมายบิดเบือนเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญไปตระเวนหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทำงานอยู่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นยอมรับว่า เป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยได้รับการว่าไหว้วานจากบุคคลหนึ่งให้ก่อเหตุ ด้วยการไปรับจดหมายที่บริษัทแห่งหนึ่งแล้วนำไปดำเนินการต่อ แต่เบื้องต้นไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งนอกจากตัวเองแล้วยังมีผู้ที่ร่วมก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้อีกจำนวนหนึ่ง
รายงานระบุว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนส่งจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ได้แก่ที่ บริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด บริเวณ ถ.เชียงใหม่-สันกำแพง ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูล “บูรณุปกรณ์” และบ้านเลขที่ 11ม.1 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกันกับบริษัทดังกล่าว
นอกจากนี้ยังเข้าตรวจค้นที่สำนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีนายคเชน เจียกขจร ที่มีศักดิ์เป็นหลานเขยของนายบุญเลิศ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีอยู่ด้วย โดยได้เข้าตรวจค้นห้องทำงานของนายกเทศมนตรีและห้องทำงานสำนักปลัดเทศบาล ซึ่งจากการตรวจค้นทั้งหมดสามารถตรวจยึดหลักฐานที่เชื่อว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญได้เป็นจำนวนมาก