พระนครศรีอยุธยา/อ่างทอง - ประชาชนและนักท่องเที่ยวแห่ทำบุญไหว้พระวัดที่พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง เนื่องในวันหยุดยาวเข้าพรรษากันคึกคัก จนการจราจรหนาแน่นไปด้วยรถยนต์ โดยเฉพาะที่พระนครศรีอยุธยารถติดอย่างหนัก
เมื่อช่วงเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 ก.ค.) ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงได้เดินทางมาทำบุญไหว้พระตามวัดสำคัญต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช่น วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดกษัตราธิราช วัดหน้าพระเมรุ และวัดท่าการ้อง โดยส่วนใหญ่จะเดินทางไหว้พระให้ครบ 9 วัดเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในวันหยุดยาว เข้าพรรษา โดยบรรยากาศแต่ละวัดเป็นไปอย่างคึกคัก จนส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวตั้งแต่ต่างระดับอยุธยา เข้าตัวเมือง จนถึงเจดีย์นักเลง หรือเจดีย์วัดสามปลื้ม และยาวเข้าไปในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา
ส่วนที่ จ.อ่างทอง นักท่องเที่ยว และประชาชนพร้อมครอบครัวจำนวนมากได้พากันเดินทางมาท่องเที่ยวไหว้พระต่างๆ ในจังหวัดอ่างทองในช่วงเทศกาลวันหยุดเข้าพรรษากันคึกคัก โดยเฉพาะที่วัดไชโยวรวิหาร อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ประชาขให้ความสนใจเดินทางมาทำบุญกันมากที่สุดเพื่อไหว้พระมหาพุทธพิมพ์ หรือหลวงพ่อโต พร้อมกับหล่อเทียนพรรษา
สำหรับ “พระมหาพุทธพิมพ์” หรือ “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเลื่อมใสศรัทธามาก โดยพระมหาพุทธพิมพ์ ประดิษฐานในวิหารวัดไชโยวรวิหาร ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง มีพุทธลักษณะเป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตัก 8 วา 7 นิ้ว ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง โดยยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้สร้างขึ้น
เช่นเดียวกับที่วัดม่วง ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้มีประชาชน และนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปทำบุญที่วัด พร้อมกับกราบไหว้พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือหลวงพ่อใหญ่ กันคึกคัก โดยส่วนใหญ่มากันเป็นแบบครอบครัว
สำหรับ “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” หรือชื่อที่นิยมเรียกติดปากของคนในพื้นที่ว่า “หลวงพ่อใหญ่” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สร้างขึ้นโดยดำริของพระครูวิบูลอาจารคุณ (เกษม อาจารสุโภ) เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดม่วง เพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้า และพระพุทธศาสนา โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2534 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2550 ใช้ทุนทรัพย์ในการสร้างทั้งหมด 104,261,089.65 บาท จากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา รวมเป็นระยะเวลากว่า 16 ปี โดยที่พระครูวิบูลอาจารคุณนั้นได้ถึงแก่มรณกรรมไปเสียก่อนที่การก่อสร้างจะเสร็จด้วยโรคมะเร็ง ในวันที่ 7 มีนาคม 2544 ณ โรงพยาบาลศิริราช แต่ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านได้ให้ชื่อพระพุทธรูปว่า “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” เป็นการอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีความสูงจากฐานองค์พระถึงยอดเกศา 95 เมตร เทียบเท่ากับตึก 40 ชั้น และมีความกว้างของหน้าตัก 63.05 เมตร ซึ่งการเดินวนรอบองค์พระต้องใช้เวลากว่า 3 นาที เป็นพระพุทธรูปที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล นับเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของวัดม่วง และจังหวัดอ่างทอง
