ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ไปรษณีย์เชียงใหม่พบจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มอีก 400 ฉบับ รวมแล้วกว่า 6,000 ฉบับ ขณะที่ กกต.เชียงใหม่ เผยรับเรื่องตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งตำรวจดำเนินการตามกฎหมายแล้วเพื่อหาตัวผู้เผยแพร่และผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ ถึงความคืบหน้ากรณีการพบจดหมายที่มีลักษณะของการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2559 ที่มีผู้ไม่หวังดีนำมาหย่อนตู้รับไปรษณีย์ในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (15 ก.ค. 59) นายบุญธรรม ประสงค์วรากิจ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้พบจดหมายในลักษณะดังกล่าวเพิ่มอีก 200 กว่าฉบับ จากการไขตู้รับไปรษณีย์ในพื้นที่ของตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ทำการอายัดและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 33 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มารับไปดำเนินการแล้ว
ทั้งนี้ โดยรวมแล้วในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีการอายัดจดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแล้วมากกว่า 6,000 ฉบับ และยังคงมีการกำชับเจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ทุกเขตของจังหวัดเชียงใหม่ช่วยกันตรวจสอบไม่ให้หลุดลอดไปถึงมือพี่น้องประชาชนที่จะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากเนื้อหาสาระที่ถูกต้องของร่างรัฐธรรมนูญ
ด้านนายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในเรื่องของจดหมายบิดเบือนเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญที่พบในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการส่งมาให้ทาง กกต.เชียงใหม่ได้ตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นพบว่าเป็นจดหมายที่มีเนื้อหาสาระเข้าข่ายการบิดเบือนข้อเท็จจริงไปจากร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จริง ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานส่งต่อให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายแล้วซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเป็นส่วนของการดำเนินคดีของทางตำรวจ โดยทราบมาว่าได้มีการตั้งคณะกรรมการในการดำเนินคดีตามขั้นตอนของตำรวจ ทั้งเรื่องของการติดตามจับกุมตัวของผู้ที่เผยแพร่จดหมายดังกล่าว สืบหาแหล่งที่มาและผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี ซึ่งจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนทั้งส่วนของ ตำรวจ อัยการ และศาลต่อไป
สำหรับการเตรียมความพร้อมจัดออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายเกรียงไกรระบุว่า ทาง กกต.จังหวัดเชียงใหม่ มีความพร้อม 100% ขณะนี้กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะตอนนี้มุ่งเน้นเข้าไปยังสถานบันการศึกษาต่างๆ ให้เยาวชน นักเรียนและนักศึกษา ร่วมเป็นเครือข่ายในการรณรงค์ให้ครอบครัวที่มีสิทธิ์ออกเสียงได้ออกมาใช้สิทธิในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ให้มากที่สุด
