กาญจนบุรี - ส.ป.ก.กาญจนบุรี เตรียมคิกออฟปักป้ายยึดที่ตาม ม.44 คำสั่งที่ 36/2559 วันที่ 15 ก.ค.นี้ พบเพิ่มอีก 900 ไร่ คาดเป็นของ “เพียงใจ หาญพาณิชย์” ที่ถูกโกงไป
วันนี้ (14 ก.ค.) นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นางเพียงใจ หาญพาณิชย์ อายุ 92 ปี ส่งมอบที่ดิน ส.ป.ก.ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 จำนวน 1,263 ไร่คืนให้แก่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี นำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนผู้ยากจน ซึ่ง นางเพียงใจ ให้ข้อมูลต่อ ส.ป.ก.ว่า ที่จริงแล้วซื้อมา จำนวน 3,000 ไร่ ต้องสูญเสียเงินไปถึง 36 ล้านบาท และยังให้ข้อมูลว่า การซื้อที่ในสมัยนั้นไม่ทราบเลยว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.หรือเป็นที่ดินของรัฐ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลในพื้นที่ที่น่าเชื่อถือได้แนะนำให้ไปซื้อ สุดท้ายที่ดินส่วนหนึ่งถูกกลุ่มบุคคลที่ชักชวนไปซื้อโกงไป จนเหลือแค่ 1,263 ไร่ ซึ่ง นางเพียงใจ ก็ได้นำป้ายไปปักหน้าแปลงที่ดินแสดงความเป็นเจ้าของ จากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย คงอาศัยอยู่แต่ใน กทม.เท่านั้น
ส่วนตนก็เพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น และเป็นจังหวะเดียวกันที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเข้ามาขนย้ายเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ออกจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังจากขนย้ายเสือโคร่งแล้วเสร็จ นายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้มีการแถลงข่าวโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมีตน และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมีหน้าที่ตรวจสอบที่ดินของวัดทั้งหมด จนนำมาสู่การตรวจยึดที่ดินของวัดป่าหลวงตาบัวฯ จำนวน 931-0-83 ไร่ ดังกล่าว
โดยขณะนี้ ส.ป.ก.ตรวจพบที่ดินอีก 1 แปลง ที่อยู่ติดกับที่ดินของ นางเพียงใจ จำนวน 900 ไร่ มีสมาคมชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าไปครอบครอง โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงกับชาวบ้านรายหนึ่งเพื่อรวมพื้นที่ขายให้แก่วัดป่าหลวงตาบัวฯ จำนวน 1,000 ไร่เศษ โดยบันทึกดังกล่าวพบว่าทำขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 โดยมีตราของสมาคมประทับเอาไว้ด้วย
จากการตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 900 ไร่ พบว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.และอาจจะเป็นพื้นที่เดียวกันกับการที่ นางเพียงใจ ให้ข้อมูลว่าซื้อมา จำนวน 3,000 ไร่ แต่ถูกโกงเอาไปจำนวนหนึ่ง โดย ส.ป.ก.จะยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดกลับมาเพื่อจัดสรรให้ชาวบ้านที่ยากจนด้วย โดยปัจจุบันพบว่า มีเป้าหมายตรวจยึดเพิ่มเป็น 15 แปลง จาก 14 แปลง ส.ป.ก.จะเริ่มนำป้ายไปปักหน้าแปลงพร้อมกันในวันที่ 15 ก.ค.นี้
จากนั้นก็จะนำประกาศไปติดที่ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล อบต.รวมทั้งที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน จากนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ครอบครองมาแสดงตนเพื่อนำเอกสารมาพิสูจน์เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพบว่ามีการครอบครองที่ดินอย่างถูกต้อง ส.ป.ก.ก็จะคืนที่ดินให้แก่บุคคลนั้นทันที
แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า ที่ดินท่านได้มาโดยมิชอบ ผู้ที่มาแสดงตนจะต้องถูกดำเนินคดี และฝากเตือนไปยังผู้ครอบครองที่ดินตัวจริงว่าอย่านำบุคคลอื่นมาแสดงตัวเป็นผู้ครอบครองอย่างเด็ดขาด เพราะจะถูกดำเนินคดีทั้งเจ้าของ และผู้แอบอ้างด้วยเช่นกัน
วันนี้ (14 ก.ค.) นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นางเพียงใจ หาญพาณิชย์ อายุ 92 ปี ส่งมอบที่ดิน ส.ป.ก.ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 จำนวน 1,263 ไร่คืนให้แก่ ส.ป.ก.กาญจนบุรี นำไปจัดสรรให้แก่ประชาชนผู้ยากจน ซึ่ง นางเพียงใจ ให้ข้อมูลต่อ ส.ป.ก.ว่า ที่จริงแล้วซื้อมา จำนวน 3,000 ไร่ ต้องสูญเสียเงินไปถึง 36 ล้านบาท และยังให้ข้อมูลว่า การซื้อที่ในสมัยนั้นไม่ทราบเลยว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.หรือเป็นที่ดินของรัฐ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลในพื้นที่ที่น่าเชื่อถือได้แนะนำให้ไปซื้อ สุดท้ายที่ดินส่วนหนึ่งถูกกลุ่มบุคคลที่ชักชวนไปซื้อโกงไป จนเหลือแค่ 1,263 ไร่ ซึ่ง นางเพียงใจ ก็ได้นำป้ายไปปักหน้าแปลงที่ดินแสดงความเป็นเจ้าของ จากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย คงอาศัยอยู่แต่ใน กทม.เท่านั้น
ส่วนตนก็เพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น และเป็นจังหวะเดียวกันที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเข้ามาขนย้ายเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ออกจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือวัดเสือ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังจากขนย้ายเสือโคร่งแล้วเสร็จ นายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ได้มีการแถลงข่าวโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมีตน และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย โดยมีหน้าที่ตรวจสอบที่ดินของวัดทั้งหมด จนนำมาสู่การตรวจยึดที่ดินของวัดป่าหลวงตาบัวฯ จำนวน 931-0-83 ไร่ ดังกล่าว
โดยขณะนี้ ส.ป.ก.ตรวจพบที่ดินอีก 1 แปลง ที่อยู่ติดกับที่ดินของ นางเพียงใจ จำนวน 900 ไร่ มีสมาคมชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าไปครอบครอง โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงกับชาวบ้านรายหนึ่งเพื่อรวมพื้นที่ขายให้แก่วัดป่าหลวงตาบัวฯ จำนวน 1,000 ไร่เศษ โดยบันทึกดังกล่าวพบว่าทำขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 โดยมีตราของสมาคมประทับเอาไว้ด้วย
จากการตรวจสอบพื้นที่ จำนวน 900 ไร่ พบว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.และอาจจะเป็นพื้นที่เดียวกันกับการที่ นางเพียงใจ ให้ข้อมูลว่าซื้อมา จำนวน 3,000 ไร่ แต่ถูกโกงเอาไปจำนวนหนึ่ง โดย ส.ป.ก.จะยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดกลับมาเพื่อจัดสรรให้ชาวบ้านที่ยากจนด้วย โดยปัจจุบันพบว่า มีเป้าหมายตรวจยึดเพิ่มเป็น 15 แปลง จาก 14 แปลง ส.ป.ก.จะเริ่มนำป้ายไปปักหน้าแปลงพร้อมกันในวันที่ 15 ก.ค.นี้
จากนั้นก็จะนำประกาศไปติดที่ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล อบต.รวมทั้งที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน จากนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ครอบครองมาแสดงตนเพื่อนำเอกสารมาพิสูจน์เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพบว่ามีการครอบครองที่ดินอย่างถูกต้อง ส.ป.ก.ก็จะคืนที่ดินให้แก่บุคคลนั้นทันที
แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า ที่ดินท่านได้มาโดยมิชอบ ผู้ที่มาแสดงตนจะต้องถูกดำเนินคดี และฝากเตือนไปยังผู้ครอบครองที่ดินตัวจริงว่าอย่านำบุคคลอื่นมาแสดงตัวเป็นผู้ครอบครองอย่างเด็ดขาด เพราะจะถูกดำเนินคดีทั้งเจ้าของ และผู้แอบอ้างด้วยเช่นกัน