นครปฐม - นายกเทศบาลนครนครปฐม นำทีมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ประกาศจุดยืนจับมือ ป.ป.ช.เข้าร่วมโครงการ อปท.โปร่งใส หัวใจคุณธรรม เน้นการทำงานชัดเจนไร้ผลประโยชน์มืด ด้าน ผอ.ป.ป.ช.นครปฐม ยืนยันนครปฐม ต้องเร่งแก้ปัญหา พร้อมเตรียมเดินหน้าถึงขั้นยึดทรัพย์หากพบทุจริต
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานเทศบาลนครนครปฐม นายเอกพันธุ์ คุปตวัช นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม ให้การต้อนรับ นายพิเศษ นาคะพันธุ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. นายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.สิทธิชัย เยี่ยมอภิชาต ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม นายพศวีร์ จิตวรพันธ์ และว่าที่ ร.ต.สมศักดิ์ เกษมวัฒนา กรรมการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม คณะกรรมการ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครปฐม โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดเทศบาลนครนครปฐม เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครนครปฐม และ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครปฐม ในการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือเป็น “เครือข่าย อปท.โปร่งใส หัวใจคุณธรรม”
นายเอกพันธุ์ คุปตวัช นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม เปิดเผยว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครปฐม ได้เข้าหารือกันเพื่อเข้าถึงความร่วมมือในด้านการป้องกันทุจริต อันนำไปสู่การเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นแบบ เพื่อเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นแบบ เพื่อเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และขยายผล หรือขยายเครือข่ายไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ
ซึ่งทางตนเองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ และประโยชน์ในการร่วมมือโครงการนี้ ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาองค์ความรู้ทั้งภายใน และภายนอกองค์กร จึงได้สมัครเข้าร่วมเพื่อร่วมกิจกรรม ซึ่งประกาศเป็นต้นแบบการต่อต้านทุจริตต่อทางสำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้วิสัยทัศน์ “คุณธรรมนำใจ รับผิดชอบโปร่งใส ร่วมใจป้องกันทุจริต” ซึ่งทางเทศบาลนครนครปฐม ได้ยืนยันว่า พวกเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ความร่วมมือในการผลักดันให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นแบบด้านการป้องกันการทุจริตอย่างเข้มแข็งต่อไป
ด้าน นายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียต่อการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเรื่องนี้สามารถแก้ไขปัญหาคือ การทำอย่างไรในการบังคับทำกฎหมายอย่างเต็มที่ ทางภาคเอกชนเองก็สามารถมีส่วนช่วยได้ในการเป็นหูเป็นตาในการติดตามดูพฤติกรรมของผู้นำว่าจะมีการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ บางคนมีการทับซ้อนในผลประโยชน์แบบผิดปกติ คือ การเข้าไปที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของภาครัฐ แล้วก็จะมาเป็นบริษัทรับเหมางานออกไปเอง บางรายก็เข้าไปรับขายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง หรือเป็นผู้รับช่วงต่อจากผู้รับเหมาอีกที
“โดยตอนนี้ก็มีมาตรการในการที่จะเอาความผิดในการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งว่ามีความร่ำรวยผิดปกติว่ามีที่มาของทรัพย์อย่างไร ซึ่งหากนำเอกสารหลักฐานมาตรวจสอบไม่ได้ก็อาจจะมีการดำเนินการขั้นยึดทรัพย์ต่อไป และยืนยันว่า นครปฐมมีปัญหานี้ รวมถึงหลายๆ พื้นที่ในประเทศก็มีปัญหานี้ ซึ่งต้องมีการเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง” นายหิรัณย์เศรษฐ กล่าว
