ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “หม่อง ทองดี” เด็กไร้สัญชาติอดีตตัวแทนประเทศไทย คว้าที่ 3 แข่งร่อนเครื่องบินพับกระดาษที่ญี่ปุ่น กลับมาร่วมการแข่งขันอีกครั้งในรอบคัดเลือกตัวแทนภาคเหนือ หวังคว้าแชมป์ประเทศไทยเป็นตัวแทนไปแข่งที่ญี่ปุ่น ขณะที่ความคืบหน้าการขอสัญชาติไทยยังไร้วี่แวว
วันนี้ (7 ก.ค. 59) ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และสมาคมเครื่องบินกระดาษพับ ร่วมกันการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 13 รอบคัดเลือกภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. 2559 เพื่อหาตัวแทนภาคเหนือไปร่วมแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยที่กรุงเทพฯ ต่อไป โดยในการแข่งขันครั้งนี้พบว่า “หม่อง ทองดี” ในวัย 19 ปี อดีตแชมป์เครื่องบินกระดาษพับที่มีปัญหาเป็นเด็กชายไร้สัญชาติ แต่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันร่อนเครื่องบินกระดาษพับจนได้รับรางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคลชายอายุไม่เกิน 12 ปี ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างความฮือฮาเมื่อหลายปีก่อนได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ นายหม่อง ทองดี ที่ปัจจุบันยังไร้สัญชาติ และหยุดพักการเรียนเพื่อมุ่งหน้าศึกษาเรื่องของการบินโดรนบังคับวิทยุที่กรุงเทพฯ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตที่จะนำมาประกอบอาชีพ เพื่อหวังจะมาเป็นช่างภาพโดรนมืออาชีพก่อนที่จะกลับไปเรียนอีกครั้งเมื่อมีโอกาส ได้เข้าร่วมการแข่งขันประเภทร่อนนาน ในรุ่นทั่วไป เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีสถิติร่อนนานอันดับ 1-2 เข้าร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศในระดับต่อไป ซึ่งผู้ที่คว้าแชมป์จะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง
โดยนายหม่องเปิดเผยว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมายังคงสถานะเป็นบุคคลไร้สัญชาติไทย ปัจจุบันได้พักการเรียนแล้วไปฝึกงานด้านการบินเครื่องโดรนบังคับวิทยุที่กรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับการหารายได้พิเศษจากการสอนบินโดรน
ขณะเดียวกันยังติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอสัญชาติไทยอย่างต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดมีคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย ตั้งใจเรียนจนสามารถจบปริญญาตรีให้ได้ เพื่อที่การขอสัญชาติไทยน่าจะง่ายขึ้น ซึ่งส่วนตัวมีความตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงกังวลเรื่องสิทธิต่างๆ อยู่เช่นกัน และยังไม่เป็นที่ชัดเจนด้วยว่าสุดท้ายการขอสัญชาติไทยจะได้ข้อยุติอย่างไร
สำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกนั้น นายหม่องสามารถทำคะแนนในการบินที่ใช้การจับเวลาได้นาน 16.16 วินาที เป็นอันดับที่ 2 รองจากนายก่อพงษ์ หัสดินทร์ ณ อยุธยา ที่ทำเวลาได้ 17.50 วินาที โดยพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ยังเหลือการแข่งขันอีกหนึ่งวันเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมแข่งขันที่ทำเวลาได้ดีที่สุดจำนวน 2 คน เป็นตัวแทนภาคเหนือ
วันนี้ (7 ก.ค. 59) ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และสมาคมเครื่องบินกระดาษพับ ร่วมกันการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 13 รอบคัดเลือกภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. 2559 เพื่อหาตัวแทนภาคเหนือไปร่วมแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยที่กรุงเทพฯ ต่อไป โดยในการแข่งขันครั้งนี้พบว่า “หม่อง ทองดี” ในวัย 19 ปี อดีตแชมป์เครื่องบินกระดาษพับที่มีปัญหาเป็นเด็กชายไร้สัญชาติ แต่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันร่อนเครื่องบินกระดาษพับจนได้รับรางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคลชายอายุไม่เกิน 12 ปี ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สร้างความฮือฮาเมื่อหลายปีก่อนได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ นายหม่อง ทองดี ที่ปัจจุบันยังไร้สัญชาติ และหยุดพักการเรียนเพื่อมุ่งหน้าศึกษาเรื่องของการบินโดรนบังคับวิทยุที่กรุงเทพฯ จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตที่จะนำมาประกอบอาชีพ เพื่อหวังจะมาเป็นช่างภาพโดรนมืออาชีพก่อนที่จะกลับไปเรียนอีกครั้งเมื่อมีโอกาส ได้เข้าร่วมการแข่งขันประเภทร่อนนาน ในรุ่นทั่วไป เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีสถิติร่อนนานอันดับ 1-2 เข้าร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศในระดับต่อไป ซึ่งผู้ที่คว้าแชมป์จะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง
โดยนายหม่องเปิดเผยว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมายังคงสถานะเป็นบุคคลไร้สัญชาติไทย ปัจจุบันได้พักการเรียนแล้วไปฝึกงานด้านการบินเครื่องโดรนบังคับวิทยุที่กรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับการหารายได้พิเศษจากการสอนบินโดรน
ขณะเดียวกันยังติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอสัญชาติไทยอย่างต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดมีคำแนะนำจากผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย ตั้งใจเรียนจนสามารถจบปริญญาตรีให้ได้ เพื่อที่การขอสัญชาติไทยน่าจะง่ายขึ้น ซึ่งส่วนตัวมีความตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงกังวลเรื่องสิทธิต่างๆ อยู่เช่นกัน และยังไม่เป็นที่ชัดเจนด้วยว่าสุดท้ายการขอสัญชาติไทยจะได้ข้อยุติอย่างไร
สำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกนั้น นายหม่องสามารถทำคะแนนในการบินที่ใช้การจับเวลาได้นาน 16.16 วินาที เป็นอันดับที่ 2 รองจากนายก่อพงษ์ หัสดินทร์ ณ อยุธยา ที่ทำเวลาได้ 17.50 วินาที โดยพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ยังเหลือการแข่งขันอีกหนึ่งวันเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมแข่งขันที่ทำเวลาได้ดีที่สุดจำนวน 2 คน เป็นตัวแทนภาคเหนือ