บุรีรัมย์ - กระทรวงการต่างประเทศ เร่งผลักดันยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เป็นจุดผ่านแดนถาวรรับ AEC หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ปัจจุบันมียอดเงินสะพัดจากการซื้อขายสินค้าช่องสายตะกูสัปดาห์ละกว่า 10 ล้าน
วันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะผู้บริหารจากกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เพื่อร่วมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาด้านการค้า การลงทุน วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาคให้ทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) พร้อมติดตามความคืบหน้าการค้าชายแดนที่บริเวณช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กับ อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา เพื่อหาแนวทางยกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร รองรับ AEC
จากที่ก่อนหน้าที่ได้เปิดให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าแบบมนุษยธรรมระหว่างประชาชนฝั่งไทย
และฝั่งกัมพูชา ที่ช่องสายตะกูดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2554 สัปดาห์ละ 1 วัน และยกระดับเป็นจุดผ่อนปรน พร้อมขยายวันเป็นสัปดาห์ละ 3 วัน คือ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในวันที่ 14 มิ.ย. 2557 พบว่ามีกระแสตอบรับจากประชาชนทั้งสองฝั่ง และมีเงินสะพัดเพิ่มมากขึ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2557 จึงขยายเปิดทำการค้าขายตลอดทั้งสัปดาห์ และพบว่าปัจจุบันมียอดการค้าขายที่จุดผ่อนปรนช่องสายตะกูดังกล่าวเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 10 ล้านบาท ที่ผ่านมาทางจังหวัดและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศก็พยายามเดินหน้าผลักดันเพื่อยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวรมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทุกฝ่ายก็เห็นชอบให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร แต่ยังติดปัญหาเพียงการอนุญาตใช้พื้นที่เนื่องจากบริเวณช่องสายตะกูดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา
นายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่าหากมีการยกระดับจากจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวรจะส่งผลดีทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวหากเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรอย่างเป็นทางการแล้วจะเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาเท่านั้น แต่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกหลายประเทศจะเดินทางมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ผ่านมากว่า 5 ปีแล้วยังไม่สามารถเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรได้ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะได้นำข้อมูลจากการลงพื้นที่ไปหาแนวทางผลักดันในการยกระดับช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวรอย่างเร่งด่วนต่อไป
