xs
xsm
sm
md
lg

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ตรวจเยี่ยมเสือของกลางจาก “วัดป่าหลวงตาบัว” ที่ราชบุรี เผยมีเสือตาย 1 ตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ราชบุรี - รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และทีมสัตวแพทย์ ตรวจเยี่ยมเสือของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน 137 ตัว ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง ราชบุรี เผยมีเสือตาย 1 ตัว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (1 ก.ค.) นายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วย นางเตือนใจ นุชดำรง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และทีมสัตวแพทย์ ได้เข้าตรวจเยี่ยมเสือโคร่ง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าของกลางที่มีการขนย้ายมาจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จำนวน 137 ตัว มาไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 65 ตัว และนำไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จำนวน 72 ตัว และมีเสือตาย 1 ตัว โดยมี นายวินันท์ วิระนะ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน นำเข้าดูเสือโคร่งตามกรงต่างๆ ซึ่งเมื่อเสือเห็นคณะที่เข้ามาเยี่ยมต่างก็ตื่นกลัวส่งเสียงคำรามขู่ตลอดเวลา

โดยสัตวแพทย์หญิงณชมน ปานเพชร ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ที่ดูแลเสือโคร่งในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน บอกว่า ตอนนี้มีเสือป่วยอยู่ 1 ตัว ที่มีอาการหายใจติดขัด ส่วนดูแลสุขภาพนั้นจะมีการเช็กจากพฤติกรรมของเสือการกินอาหารซึ่งเราค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอาหารจากสุกมาดิบแล้ว ซึ่งเราต้องดูแลเสือเป็นพิเศษทุกตัว โดยเช็กเป็นรายวัน ซึ่งเสือที่อยู่ในความดูแลนั้นเฉลี่ยอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 8 ปี ซึ่งตั้งแต่ทำการขนย้ายเสือเข้ามาเราได้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องของอาหารและเสริมวิตามินเข้าไปให้ ซึ่งจะช่วยลดความเครียด และเพิ่มแคลเซียมให้

นายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ย้ายเสือมาได้เกือบ 1 เดือนแล้ว สภาพโดยทั่วไปเสือก้กำลังปรับตัวเข้ากับพื้นที่ใหม่ได้ดี ทั้งอาหาร สถานที่และคนเลี้ยง ยกเว้นบางตัวที่ยังมีอาการเครียดอยู่ กินได้น้อย ซึ่งต้องดูแลเป็นกณีพิเศษ บางตัวที่มีประวัติการให้ยาก็ต้องให้ยาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่อยู่ในสภาพเป็นเสือแม่ลูกอ่อนประมาณ 2-3 ตัว ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเสือตัวที่เครียดก็จะต้องให้วิตามิน และอาหารเสริม ซึ่งที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้างนั้นมีบางตัวที่ไม่ยอมกินอาหารเลย ก็ต้องมีการวางยาแล้วนำออกมาตรวจเช็กสภาพ ก็พบว่า เสือตัวนั้นคุ้นเคยกับการกินอาหารสุก ซึ่งอาหารที่ให้นั้นเป็นไก่สดรสชาติผิดไปจากที่เคยกิน จึงยังไม่สามารถปรับสภาพได้ทำให้ร่างกายอ่อนแอ จึงต้องนำออกมาให้น้ำเกลือ และวิตามินรวมทั้งให้อาหารเม็ดซึ่งก็กินได้

ส่วนเสือที่ตายนั้นเป็นเสือชุดแรกที่มีการขนย้ายมาตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.59 ที่ผ่านมา จำนวน 10 ตัว ชื่อเฆมเหนือ 2 อายุ 6 ปี จากการตรวจร่างกายอย่างละเอียดพบว่ ามีการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร และลำไส้ ซึ่งมีอาการมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่วัดแล้ว และเมื่อมีการขนย้ายอาจจะไม่ชินต่อสภาพอากาศที่ใหม่ ประกอบในช่วงนั้นมีสภาพอากาศที่ร้อนจัด จึงทำให้เสือตาย แต่เสือตัวอื่นๆ นั้นยังอยู่ในสภาพที่ปกติ และอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าของสถานีเพาะเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง

สำหรับเรื่องของการดูแลนั้นคงจะต้องดูแล และเลี้ยงไว้ที่ 2 สถานีนี้ไปตลอด ยังไม่มีแผนที่จะขนย้ายไปไหน นอกจากว่าจะมีองค์การสวนสัตว์ที่สนใจจะรับเสือบางส่วนไปดูแลก็จะต้องเข้ามาเลือกเสือไป ส่วนสวนสัตว์เอกชนที่จะมานำไปก็จะต้องมีกระบวนการทางราชการ ซึ่งจะต้องมีการกำหนดราคากลาง

ส่วนเรื่องของงบประมาณในการดูแลนั้นได้ผ่านสภาวาระ 1 ไปแล้ว ซึ่งเราไม่ได้ตั้งงบในเรื่องของการดูแลเสือของกลางตรงนี้ไว้ จึงต้องแปรญัตติในการเพิ่มงบประมาณตรงนี้เข้าไป ซึ่งเสือเหล่านี้ไม่สามารถปล่อยสู่ธรรมชาติไม่ได้ เพราะเป็นเสือต่างถิ่นซึ่งไม่ใช่เสือในบ้านเราจึงไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ เราต้องเลี้ยงไว้อย่างนี้ตลอดไป





กำลังโหลดความคิดเห็น