ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมเจ้าท่าฯ เอาจริงด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางทะเล ใช้พัทยาเป็นเมืองนำร่อง จัดประชุมร่วมผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว แจงเตรียมประกาศบังคับใช้กฎหมายมาตรฐานเสื้อชูชีพสำหรับการประกอบการต้นปี 60
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ร้านอาหารบาลีฮายซันเซท แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา เป็นประธานเปิดการจัดอบรมเพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำหรับการรับรองมาตรฐานเสื้อชูชีพของเรือที่เดินภายในประเทศ โดยมี นายสนิท บุญมาฉาย ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา นำผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
นายเอกราช กล่าวว่า กรมเจ้าท่ามีนโยบายในการยกระดับความปลอดภัยทางน้ำ โดยเลือกเมืองพัทยาเป็นพื้นที่นำร่องเพื่อสร้างมาตรการรักษาปลอดภัยทางทะเล ตามโครงการ “พัทยาโมเดล” ที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 ด้วยความหวังที่จะสร้างความมั่นใจ และเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้เป็นที่เชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังจากการวางระบบพัทยาโมเดลชัดเจนเป็นรูปธรรมแล้ว กรมเจ้าท่า จึงได้เดินหน้าในการจัดระเบียบผู้ประกอบการในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีของเสื้อชูชีพ ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์กู้ชีพที่มีความจำเป็นต่อการโดยสาร และเล่นกิจกรรมทางน้ำทุกประเภท ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานของเสื้อชูชีพที่ถูกระเบียบ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กรมเจ้าท่าได้ใช้เวลาศึกษาวิจัยมานาน 2 ปี เพื่อกำหนดเป็นค่ามาตรฐาน ก่อนจะมีการประกาศเป็นข้อบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 2560 นี้
สำหรับเสื้อชูชีพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้จะต้องมีฉลากที่ผ่านการรับรองจากกรมเจ้าท่า ซึ่งจะระบุเลขที่อนุมัติ รายละเอียดของผู้ผลิต หมายเลขผลิตภัณฑ์ และปีที่ผลิต โดยมีคุณสมบัติที่จะต้องมีแรงลอยตัวไม่ต่ำกว่า 100 นิวตัน มีนกหวีดประกอบเพื่อใช้ในการส่งสัญญาณเสียง รวมทั้งแถบสีสะท้อนแสงเพื่อสะดวกต่อการค้นหาในตอนกลางคืน หรือพบเห็นได้ในระยะไกล พร้อมกันนี้ทางกรมได้นำรายชื่อบริษัทผู้จำหน่ายเสื้อชูชีพที่มีคุณภาพตามที่กำหนดไว้มาให้ผู้ประกอบการพิจารณาเป็นทางเลือกในการจัดหานำมาใช้ประกอบการในอนาคต ส่วนหลังมีการประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการ และตรวจพบว่า มีผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ทางกรมจะพิจารณาเพิกถอนการต่อใบอนุญาตประกอบการ หรือทะเบียนเรืออย่างเด็ดขาดต่อไป
