xs
xsm
sm
md
lg

ททท.นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มรอยัลโคสต์ 5 จว.รุกตลาดมาเลย์-สิงคโปร์ ชูแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำเป็นจุดขาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เป็นประธานเปิด AMAIZING  THAILAND  ROYAL COST  ROAD SHOW 2016 ที่โรงแรมแมนดาริน ออชาร์ด สิงคโปร์
ประจวบคีรีขันธ์ - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จับมือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต สถานที่ท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ในกลุ่มรอยัลโคสต์เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และสมุทรสงคราม จัดโครงการ AMAIZING THAILAND ROYAL COST ROAD SHOW 2016 ที่มาเลเซีย-สิงคโปร์ หวังดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ 5 จังหวัด ชูแหล่งท่องเที่ยวศักยภาพชั้นนำเป็นจุดขาย

คงต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้รายได้จากการท่องเที่ยวนับเป็นรายได้หลักที่เข้าสู่ประเทศไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดขายของเมืองไทยทั้ง 4 ภาค เป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศไทย และยังถือว่าเป็นวาระที่สำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2559 อยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 2.5 ล้านล้านบาท ในปี 2560 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 32 ล้านคน

ดังนั้น จึงถือเป็นภารกิจหลักของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของเมืองไทย และในต่างประเทศที่จะต้องหาจุดขายของพื้นที่ตัวเอง เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาเมืองไทย เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่คาดหวังกันไว้

กลุ่ม รอยัลโคสต์ (ROYAL COST) เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบในส่วนของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงาน (สนง.) เพชรบุรี, ททท.สนง.ประจวบคีรีขันธ์, ททท.สนง.ชุมพร และ ททท.สนง.ระนอง ซึ่งพื้นที่ใน 4 จังหวัดนี้ถือเป็นพื้นที่หัวเมืองชายทะเลที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง และมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากโฟกัสไปที่หัวหิน/ชะอำ ยิ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์หัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มสแกนดิเนเวีย เข้ามาไม่น้อยในแต่ละปี และยิ่งระยังหลังเริ่มมีมาเลเซีย และสิงคโปร์เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ทำให้ น.ส.วไลลักษณ์ น้อยพยัคฆ์ ผอ.ภูมิภาคอาเซียนเอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ ททท. และ สนง.ททท.ที่รับผิดชอบในพื้นที่ โดยเฉพาะ นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผอ.ททท.สนง.เพชรบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฯ ดังกล่าว ได้จับมือกับ ททท.สนง.ประจวบคีรีขันธ์, ททท.สนง.ชุมพร, ททท.สนง.ระนอง ถือเป็นกลุ่มรอยัลโคสต์ (ROYAL COST) เป็นเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ร่วมกันเจาะตลาดเชิงรุกทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์อย่างจริงจัง

และท้ายที่สุดมองว่า ททท.สมุทรสงคราม เองก็มีจุดขายที่เป็นแม่เหล็กอยู่แล้ว ทั้งตลาดน้ำอัมพวา และตลาดร่มหุบ และหมู่บ้านเบญจรงค์ จึงเข้ามาเพิ่มเติมซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยง โดยร่วมกับผู้ประการภาคธุรกิจท่องเที่ยวใน 5 จังหวัดนี้ จึงได้จัดโครงการ “AMAIZING THAILAND ROYAL COST ROAD SHOW 2016” ระหว่างวันที่ 21-25 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต แหล่งท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอป รวมทั้งบริษัทประชารัฐรักสามัคคีเพชรบุรี จำกัด และสื่อมวลชน รวมเดินทางครั้งนี้รวม 53 คน

สำหรับบรรยากาศภายในงานทั้งที่โรงแรมเบอร์จายา ไทม์สแควร์ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และที่โรงแรมแมนดาริน ออชาร์ด ประเทศสิงคโปร์ ได้รับเกียรติจาก นายธงชัย ชาสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ และ น.ส.ศิรินทรา จันทพันธ์ อัครราชทูต และรองหัวหน้าสำนักงาน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “AMAIZING THAILAND ROYAL COST ROAD SHOW 2016” ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ททท.สำนักงาน (สนง.) เพชรบุรี, ททท.สนง.ประจวบคีรีขันธ์, ททท.สนง.ชุมพร, ททท.สนง.ระนอง และ ททท.สนง.สมุทรสงคราม โดยงานทั้ง 2 ประเทศที่จัดขึ้นยังมี ททท.กัวลาลัมเปอร์ และ ททท.สิงคโปร์ ที่เข้ามาร่วมผลักดันให้เกิดนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาดนี้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นโ ดยมุ่งเน้นเข้าไปยังพื้นที่กลุ่มรอยัลโคสต์ (ROYAL COST)

การเปิดเกมรุกตลาดทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์ ของ ททท.ในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์ของนโยบายที่จะทำให้รายได้ และจำนวนนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นไปตามเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เดินทางมาได้พบ และเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจบริษัทนำเที่ยว และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั้งมาเลเซีย และสิงคโปร์ให้ความสนใจกว่า 140 รายโดยตรง (Tabel Top Sales) หรือเทเบิลท็อปเซล์ ก็คือผู้ขายพบผู้ซื้อ

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ทางเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ และอัครราชทูตและรองหัวหน้าสำนักงาน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ยังการันตีฉายให้ภาพรวมของแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศไทยให้ได้รับรู้แก่ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของทั้งมาเลเซีย-สิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยนั่นเอง

สิ่งสำคัญงานครั้งนี้ ทั้ง นางอรสา อาวุธคม ผอ.ททท.ประจวบคีรีขันธ์ ยังได้ตอกย้ำพูดถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่ทั้งประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร และระนอง ให้เห็นถึงศักยภาพและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆและที่สำคัญ รวมทั้งสินค้าทางการท่องเที่ยวของทั้ง 3 พื้นที่ ทั้งเรื่องโรงแรม รีสอร์ต สนามกอล์ฟ สปา ร้านอาหาร-ศูนย์การค้า และแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นใหม่ๆ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติต่างๆ รวมทั้งวัดวาอาราม เรียกได้ว่าเป็นแม่เหล็กที่ทำให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวสนใจ

นางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผอ.ททท.สนง.สมุทรสงคราม ได้แสดงให้เห็นถึงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวของ จ.เพชรบุรี ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งเรื่องของหาดทราย ชายทะเล อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขาวัง พระราชวังบ้านปืน ค่ายมฤคทายวัน วัดเก่าแก่ โครงการพระราชดำริ เช่น โครงการช่างหัวมัน รวมไปถึงโรงแรม รีสอร์ต สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่อำเภอชะอำ นอกจากนั้นแล้ว ยังเปิดแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรสงคราม ที่กำลังโด่งดังก็คือ ตลาดร่มหุบ เป็นที่กล่าวขานของนักท่องเที่ยวต่างชาติในขณะนี้ และยังรวมไปถึงโรงแรม รีสอร์ต และผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่ออย่างเครื่องเบญจรงค์ต่างๆ

ด้าน นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผอ.ททท.สนง.สิงคโปร์ กล่าวว่า ทางสำนักงาน ททท.สิงคโปร์ เองในปีนี้พยามผลักดันกลุ่มตลาดครอบครัวชาวสิงคโปร์ ซึ่งตลาดกลุ่มนี้เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงโดยมุ่งที่จะให้เข้าไปสัมผัสกับเส้นทางท่องเที่ยวกลุ่มรอยัลโคสต์ (ROYAL COST) ทั้งในส่วนของหัวหิน-ชะอำ และสมุทรสงคราม ซึ่งมีโปรดักต์สินค้าท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่ตลาดสิงคโปร์ให้ความสนใจ ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่มากเพิ่มขึ้นก็เป็นการกระจายรายได้พื้นที่ได้มากขึ้น ครั้งนี้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว และเอเยนต์ต่างๆ ของสิงคโปร์ ซึ่งได้พบกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวของกลุ่มรอยัลโคสต์ (ROYAL COST) โดยตรงถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะทางผู้ประกอบการสิงคโปร์จะได้มีข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต ที่อัปเดตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะนำไปสู่การจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่อไป

นายอะหมาน หมัดอะดัม ผอ.ททท.สนง.กัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ด้านการเดินทางของท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีหลายช่องทางเพิ่มมากขึ้น ทั้งสายการบิน ทางรถยนต์ รถไฟฟ้า ETS จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ เดินทางไปถึงปาดังเบซาร์ โดยปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยถึง 3,400,000 คน รายได้กว่า 89,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวมาเลเซียเฉลี่ยเดินทางเข้าประเทศไทย 4 วัน ค่าใช้จ่าย 5,100 บาทต่อคนต่อวัน ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค.59 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 1,400,000 คน คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 8%

อนึ่ง นักท่องเที่ยวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้าประเทศไทยส่วนใหญ่จะไปที่เมืองใหญ่ทั้งกรุงเทพฯ พัทยา หาดใหญ่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ พังงา เชียงใหม่ เชียงราย และหัวหิน ซึ่งกำลังแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่ไปเป็นครอบครัวขับรถเข้าประเทศไทยจากทางภาคใต้ มุ่งหน้านครศรีธรรมราช และเข้าสู่เส้นทางรอยัลโคสต์ (ROYAL COST) ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงหัวหิน-ชะอำ ฯลฯ รวมทั้งกำลังเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิมที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนคน ให้เดินทางเข้าประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปแสวงหาตลาดมาเลเซีย และสิงคโปร์ในครั้งนี้ ซึ่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปต่างยอมรับว่า เป็นแนวคิดที่ดีในการพาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 จังหวัดโซนเขตพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันตก หรือกลุ่มรอยัลโคสต์ (ROYAL COST) ไปนำเสนอศักยภาพของสินค้าท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นผลในวันนี้ แต่เชื่อว่าเป็นการเข้าถึงตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีกำลังซื้อสูงทางหนึ่ง จึงเชื่อว่าเป็นการตอบโจทย์ในการตั้งเป้าเพิ่มทั้งนักท่องเที่ยว และรายได้เข้าประเทศอย่างแท้จริง
นางสาวศิรินทรา จันทพันธ์ อัครราชทูตและรองหัวหน้าสำนักงาน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์  ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน” AMAIZING  THAILAND  ROYAL COST  ROAD SHOW 2016”โรงแรมเบอร์จายา ไทม์สแควร์ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย






กำลังโหลดความคิดเห็น