-งามหน้า! ปกครองอุดรธานีบุกทลายโต๊ะพนันบอลบาคาราออนไลน์ และโต๊ะแทงพนันฟุตบอลใน ต.หมากแข้ง โดยเปิดร้านเสริมสวยบังหน้า สองหนุ่มผู้ดูแลร้านแฉเป็นของ “เสี่ยสุภาพ” ตรวจค้นเจอบัญชีส่งส่วยตำรวจยาวเป็นหางว่าวแปะไว้ข้างฝา ตอกย้ำความอัปยศวงการสีกากีไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา (22 มิ.ย.) นายวัชรินทร์ สุตลาวดี นายอำเภอเมืองอุดรธานี พร้อมด้วยนายณรงค์ ทิพย์สิริ ผอ.ส่วนกำกับตรวจสอบ สำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง นายพลกิจ เรืองสุกใส ป้องกัน จ.อุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอุดรธานี ได้บุกเข้าทำการตรวจค้นร้านเสริมสวย “แฮร์ บิว ลุกค์” เลขที่ 118/7 ถ.อดุลยเดช ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการเปิดเล่นพนันโดยผิดกฎหมาย และจากการตรวจสอบพบว่ามีการเปิดรับแทงพนันแบบบาคาราออนไลน์ และรับแทงพนันฟุตบอลยูโรจริง โดยมีนายเอกชัย สุมาลัย อายุ 39 ปี และนายวิเชียร พฤกษชาติ อายุ 37 ปี รับเป็นผู้ดูแลร้าน
จากการสอบสวนปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่เป็นผู้ดูแลร้านทั้งคู่ให้การว่าได้รับจ้างจาก “เฮียสุภาพ” ได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท และผลตอบแทนอีก 5 เปอร์เซ็นต์จากยอดรายได้รวม และเพิ่งมาทำงานเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง โดยเฮียสุภาพบอกว่าเคลียร์ทุกฝ่ายหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวถูกจับ แต่ก็มาถูกฝ่ายปกครองเข้าจับกุมจนได้
ด้านนายณรงค์ ทิพย์สิริ ผอ.ส่วนกำกับตรวจสอบ สำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ขณะตรวจสอบเอกสาร เจ้าหน้าที่ฯ ได้พบบัญชีส่งส่วยที่ส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนทุกครั้งที่เคยจับกุมมา ซึ่งแม้ไม่มีเอกสารที่สามารถขยายผล ไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็น แต่ก็พบเอกสารกระดาษเอ 4 ติดอยู่ฝาห้องของโต๊ะคอมพ์ผู้ดูแลร้าน เป็นข้อมูลของเว็บไซต์รับแทงพนันฟุตบอล
และที่จะขยายผลโยงไปถึงโต๊ะบอลใหญ่ได้ คือ รหัสการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี โดยเป็นรหัสเริ่มต้น 002 และ 005 โดยใช้ชื่อย่อว่า บา และบอล
สำหรับสถานที่รับพนันแห่งนี้มีนายทุนชื่อเล่นว่า “เฮียเฮ้าส์” หรือ “เฮียสุภาพ” เป็นเจ้าของร้าน อย่างไรก็ตาม หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายระดับประเทศ จึงเข้ามาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม และร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเข้าจับกุม พบหลักฐานโยงการพนันฟุตบอล บาคาราออนไลน์ และหวยเถื่อน
หลังจากนี้จะมอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนขยายผลหานายทุนเบื้องหลัง และจะได้ตรวจสอบกรณีบัญชีส่งส่วยว่านำไปให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยไหนหรือใครบ้าง หากพบหลักฐานที่ชัดเจนก็จะดำเนินคดีให้หมดไม่มียกเว้นแน่นอน