ฉะเชิงเทรา- ชาวบ้านบางน้ำเปรี้ยวโอด หลังถนนทรุดพังมานานนับสิบปี จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ทำคนเจ็บตายระนาว ชี้เพราะขาดการดูแลซ่อมแซมจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ วอนผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข เผยทั้งที่เป็นถนนทางหลวงแผ่นดิน เชื่อมระหว่างจังหวัดที่มีผู้คน และยานพาหนะขนส่งสินค้าเข้ามาใช้เส้นทางผ่านเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) นายทองหล่อ ละศรี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/2 ม.10 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา สมาชิก อบต.หมอนทอง กล่าวถึงความเดือดร้อนของประชาชนชาว อ.บางน้ำเปรี้ยว และผู้ที่ใช้เส้นทางผ่านพื้นที่บนถนนสาย บางน้ำเปรี้ยว-องครักษ์ ว่า ชาวบ้านผู้ใช้เส้นทาง ตลอดจนผู้ที่สัญจรผ่าน และรถขนส่งสินค้ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
จากสภาพพื้นผิวของถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3001 ซึ่งเป็นเส้นทางหลวงสายหลัก ที่เชื่อมระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.นครนายก และยังเป็นเส้นทางลัดที่สามารถเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังย่านรังสิต จ.ปทุมธานี และ จ.สระบุรี ได้ จึงทำให้ถนนสายนี้มีผู้คนเข้ามาใช้สัญจรผ่านเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรถพ่วงบรรทุกปูนซีเมนต์ และรถบรรทุกหิน ที่เดินทางมาจาก จ.สระบุรี เพื่อไปส่งยังในเขตกลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้ง จ.ระยอง และชลบุรี ที่มักจะเข้ามาใช้เส้นทางหลบเลี่ยงเพราะเป็นเส้นทางลัด
จากการที่มีรถเข้ามาใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดการทรุดตัวของพื้นผิวถนน เพราะมีรถบรรทุกหนักขับผ่านเส้นทางอยู่เป็นประจำตลอดทั้งกลางวัน และกลางคืน จึงทำให้พื้นผิวของถนนสายนี้ทรุดตัวพังเป็นหลุมลึกถึง 50 ซม. อยู่กลางถนนเป็นร่องยาวต่อเนื่องไปไกลถึงกว่า 5 กม.ในแต่ละช่วง
โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ ม.2 และ ม.5 ต.สิงโตทอง นั้น สภาพถนนถือว่าย่ำแย่มาก จนทำให้รถขนาดเล็กที่เข้ามาใช้เส้นทาง รวมถึงรถของชาวบ้านในพื้นที่นั้นพังเสียหาย และเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และถึงขั้นเสียชีวิตกันไปแล้วจำนวนหลายราย
ล่าสุด เมื่อกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา พี่ชายของตนเองก็ยังมาถูกหางพ่วงท้ายของรถพ่วงที่หักหลบหลุมลึกบนเส้นทางเหวี่ยงฟาดจนตัวรถยนต์กระบะของพี่ชายพังเสียหายยับเยิน และตกถนนเสียชีวิต จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมดูแลถนนสายนี้ได้เข้ามาทำการแก้ไขให้แก่ชาวบ้านด้วย
ที่ผ่านมา ถนนสายนี้ได้เคยมีโครงการที่จะขยายช่องทางการจราจร จากขนาด 2 เลน ที่มีรถวิ่งสวนทางกัน เป็นถนน 4 เลน โดยได้มีการเวนคืนที่ดินริมถนนจากชาวบ้านไปจนหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีความคืบหน้า หรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น โดยสภาพถนนเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อกว่า 30 ปีก่อน
สภาพพื้นผิวของถนนสายนี้ก็ยังไม่เคยอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดีมาก่อนเลย และในขณะนี้กลับยิ่งย่ำแย่เละมากยิ่งขึ้น เมื่อมีรถบรรทุกเข้ามาใช้เส้นทางผ่านเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ นายระพิน สินธิพงษ์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/65 ม.3 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ใช้เส้นทางผ่านถนนสายนี้อยู่เป็นประจำ กล่าวว่า บนถนนสายนี้มีรถบรรทุกขับผ่านเส้นทางเป็นจำนวนมากจึงทำให้ถนนเกิดการทรุดตัวเป็นร่องลึกยาวไกลมาก และทำให้รถเล็กนั้นขับผ่านได้อย่างยากลำบาก โดยเฉพาะรถเก๋ง และรถยนต์กระบะ เพราะหากเดินทางมาในช่วงเวลากลางคืนจะมองไม่เห็นขอบร่องของพื้นถนนที่เป็นขอบลึกมาก จึงทำให้เกิดการปีนขอบร่องดังกล่าวจนทำให้ช่วงล่างของรถพังเสียหายหมด
โดยชาวบ้านในพื้นที่ต้องพากันหลบไปใช้ถนนสายรองที่ต้องอ้อมไกลเลียบไปตามชายคลองในหมู่บ้าน แทนการเข้ามาใช้ถนนสายหลักเส้นนี้สัญจรในเวลากลางคืน เพราะยังดีกว่าการที่จะขับรถเข้ามาแล้วรถตกร่องพังเสียหาย โดยสภาพของถนนที่เห็นอยู่นี้เป็นร่องลึกอย่างนี้มานานถึงกว่า 10 ปีแล้ว จึงอยากฝากไปถึงยังรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นช่วยเข้ามาดูแลแก้ไขให้แก่ชาวบ้านผู้ใช้เส้นทางด้วย เพื่อลดความเดือดร้อนทั้งในด้านการสัญจร และการเกิดอุบัติเหตุเจ็บตายของผู้คนที่เข้ามาใช้เส้นทางสายนี้ด้วย นายระพิน กล่าว
ด้าน นางโสภา ชั้วแย้ม อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/15 ม.3 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านซึ่งเปิดร้านค้าขายของชำอยู่ริมถนนสายนี้ กล่าวว่า ผิวถนนมีสภาพเละมาก อีกทั้งยังมีรถติดขัดกันยาวตลอดทั้งวัน เนื่องจากรถพ่วงที่เข้ามาใช้เส้นทางนั้นต้องจอดรอกันยาวก่อนที่จะขึ้นสะพานข้ามคลอง เนื่องจากคอสะพานมีสภาพลาดชั้น และแคบมาก อีกทั้งยังอันตรายมากสำหรับชาวบ้าน
โดยได้เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดนี้ได้มีรถจักรยานยนต์ของหญิงชาวบ้านจอดรอรถพ่วงที่กำลังจะข้ามสะพาน แต่รถพ่วงข้ามไม่ไหวจึงได้ไหลลงมาทับรถจักยานยนต์ที่กำลังจอดรออยู่ด้านล่าง จนร่างกายขาดเป็น 2 ท่อนเสียชีวิตคาที่
นางโสภา กล่าวต่อว่า ในเวลาช่วงเช้าๆ นั้นจะมีผู้คนเดินทางออกไปทำงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งรถรับส่งพนักงานโรงงาน รถยนต์ส่วนบุคคล จึงทำให้รถติดขัดอย่างหนัก ทำให้ผู้คนในบริเวณนี้เดือดร้อน และอยู่กันลำบากมาก ที่มีทั้งปัญหาด้านการจราจรรถติดขัดที่บริเวณคอสะพานแคบ ทั้งปัญหาจากถนนทรุดตัวเป็นร่องแตกร้าวลึกเป็นทางอย่างยาวไกลมาก เมื่อมีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมาเบียดเข้ากับขอบข้างของร่องกลางถนนก็ทำให้รถล้มคว่ำลง ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นประจำ
จึงอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบเร่งเข้ามาทำถนนสายนี้ให้ใหม่ ทั้งที่ได้เคยมีโครงการขยายถนนสายนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครเข้ามาทำอะไรให้ ที่ผ่านมา ก็ได้มีการเวนคืนที่ดินจากชาวบ้านผ่านไปนานแล้วถึง 2 ปีเต็ม โดยช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ถนนจะเละมากยิ่งขึ้น และชาวบ้านก็จะต้องลำบากกันมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก
คนที่เคยเข้ามาใช้เส้นทางสายนี้ล้วนทั้งบ่น ทั้งด่าไปถึงผู้ที่รับผิดชอบที่ปล่อยให้ถนนสายนี้เป็นแบบนี้ เนื่องจากทางสายนี้เป็นเส้นทางลัด มีรถเข้ามาใช้เส้นทางมาก โดยเฉพาะรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่ ซึ่งบรรทุกทั้งปูนซีเมนต์ บรรทุกหิน และบรรทุกดินที่ใช้เป็นเส้นทางหลบเลี่ยงทางสายหลักเข้ามาตลอดทั้งกลางวันกลางคืน โดยรถเล็กๆ ต้องพากันหักหลบหลุมลึก และขับเหวี่ยงเลี่ยงหลุมไปมาบนท้องถนนอย่างยากลำบากมาก จนทำให้หลายครั้งมักจะเกิดการเฉี่ยวชนกันกับรถที่สวนทางมา โดยชาวบ้านก็ได้แต่นั่งมองอย่างที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อถนนสายนี้