ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายอำเภอบางละมุง ถกความคืบหน้าการติดตามแก้ไขปัญหาเดดไลน์ 15 มิ.ย.นี้ สนนธิกำลังรื้ออาคารใหญ่รุกล้ำคลองพัทยาใต้
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายชาคร กัญจนะวัตตะ นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เมืองพัทยา โยธาธิการ สำนักงานที่ดิน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สภ.เมืองพัทยา และกำลังทหาร มทบ.14 เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการติดตามแก้ไขปัญหาอาคารรุกล้ำคลองสาธารณะ พัทยาใต้ โดยเฉพาะในส่วนของอาคาร บ.บาลีฮาย พลาซ่า และ บ.จูลี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งระบุว่าเป็นอาคารรุกล้ำรายล่าสุด ที่มีแผนในการรื้อถอนอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้
ดร.วีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมา เมืองพัทยาพยายามเข้ามาดำเนินการตรวจสอบ แก้ไข และรื้อถอนอาคารในส่วนที่รุกล้ำแนวคลองสาธารณะพัทยาใต้อย่างต่อเนื่อง ด้วยอาคารเหล่านี้ถือเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้การระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ โดยมีผลการปฏิบัติที่ส่งผลให้คลองมีขนาดความกว้างมากขึ้น และระบายน้ำได้ดียิ่งขึ้นตามลำดับ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการได้พื้นที่สาธารณะคืนมาอีกจำนวนไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ยังมีพื้นที่บางส่วนของอาคารบริเวณปลายคลองของ บ.บาลีฮาย พลาซ่า จำกัด และ บ.จูลี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ที่ยังคงมีแนวอาคารบางส่วนที่รุกล้ำแนวคลองอยู่ คือ ส่วนของอาคารที่อยู่ในแนวถอยร่นระยะ 6 เมตร จากคลองสาธารณะ ซึ่งกรณีดังกล่าว เมืองพัทยา ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร คำสั่งให้ดำเนินการแก้ไข และยื่นคำร้องขอใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง และคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทั้งแบบ ค.5 ค.6 ค.12 และ ค.15
รวมทั้งการปิดประกาศแจ้งการรื้อถอนอาคารตามกฎหมาย ในมาตราที่ 42 และ 43 ในสถานที่ของอาคารนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 รวมทั้งการแจ้งเตือนการรื้อถอนอาคารเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน จนเลยระยะเวลาที่กำหนดซึ่งถือว่าจบสิ้นตามกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ว่าจากกรณีดังกล่าวทางอาคารเองได้ทำเรื่องขออุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการพิจารณาระดับจังหวัด ซึ่งมีการพิจารณายกคำอุทธรณ์ ส่วนการฟ้องร้องต่อศาลปกครองที่ขอให้ทุกเลาการรื้อถอนนั้น ล่าสุด ศาลมีคำสั่งไม่คุ้มครอง เมืองพัทยา จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนด้วยการออกประกาศแจ้งการรื้อถอนที่ก่อสร้างฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
โดยจะใช้วิธีพิเศษในการจ้างเหมาผู้ที่สนใจเข้ามาดำเนินการรื้อถอนอาคาร ซึ่งเจ้าของอาคารต้องเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายในการรื้อถอนเป็นจำนวนเงิน 1.07 ล้านบาท โดยหากไม่ยินยอมชดใช้เมืองพัทยาก็จะนำวัสดุที่มีการรื้อถอนออกขายทอดตลาดภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ กรณีนี้ดังกล่าวจะมีการแจ้งล่วงหน้าให้ผู้ประกอบการทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ ผลสรุปในที่ประชุมมีมติว่า หลังการใช้วิธีพิเศษในการจ้างเหมาผู้รับจ้างเข้ามาดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันนี้ ได้มีการประสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเพื่อสนธิกำลังในการลงพื้นที่เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาคารอย่างเป็นรูปธรรม ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้
