ศูนย์ข่าวศรีราชา- ทัพเรือภาคที่ 1 จับเรือประมงญวน 2 ลำ ลักลอบจับปลาเขตอ่าวไทย ในรอบ 8 เดือน จับแล้ว 21 ลำ ลูกเรือ 198 ชีวิต ดำเนินคดีตามกฎหมาย ย้ำไทยไม่มีขายสัมปทานทำประมงในทะเลให้ต่างชาติ
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ท่าเทียบเรือกลางอ่าว กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ท.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) และผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 (ศรชล.เขต 1) มอบหมายให้ พล.ร.ต.วสันต์ บุญเนือง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย น.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ รองเสนาธิการฯ น.อ.อนันต์ มาลา หัวหน้ากองพระธรรมนูญ น.ท.กงกฤช พลยิ่ง ผู้บังคับการ เรือหลวงคีรีรัฐ และชุดจับกุม
ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเรือประมงอวนลากคู่ สัญชาติเวียดนาม จำนวน 2 ลำ หมายเลข KG92875 เก๋งเรือสีฟ้า ความยาว 18 เมตร พร้อมลูกเรือ 17 คน และหมายเลข KG93720 เก๋งเรือสีฟ้าอ่อน ความยาว 18 เมตร พร้อมลูกเรือ 13 คน ในความผิดฐานทำการประมงรุกล้ำน่านน้ำไทยในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หนีเข้าราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต และผิด พ.ร.บ.สิทธิทำการประมง
พล.ร.ต.วสันต์ บุญเนือง เปิดเผยว่า ผลการจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พ.ค.59 เวลา 07.30 น. ขณะเรือหลวงคีรีรัฐ ทำการลาดตระเวนในการรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล บริเวณอ่าวไทย พิกัดแลต 10 องศา 15 ลิปดาเหนือ ลอง 101 องศา 45 ลิปดาตะวันออก บริเวณทิศใต้ เกาะจวง ระยะ 150 ไมล์ทะเล ได้พบเรือประมงสัญชาติเวียดนามดังกล่าวกำลังลักลอบทำประมง จึงรายงานให้หน่วยเหนือทราบ พร้อมรับคำสั่ง ผบ.ทรภ.1 ให้ดำเนินการปิดล้อมจับกุมทันที เบื้องต้น จากการสอบสวนพบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดเกียงยาง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ลักลอบทำประมงในอ่าวไทยเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์ทะเลขนาดใหญ่จำนวนมาก
นอกจากนี้ การสืบสวนเชิงลึกยังพบว่า มีกลุ่มนายทุนประเทศเพื่อนบ้านอ้างสิทธิหลอกขายสัมปทานในน่านน้ำไทย ทำให้เรือประมงเวียดนามหลงเชื่อซื้อสัมปทานเข้ามาทำประมง ถูกจับกุมแล้วจำนวนมาก ซึ่งช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามไปแล้ว 8 ครั้ง รวม 21 ลำ และลูกเรือ จำนวน 198 คน จึงขอชี้แจงให้รับทราบว่า ประเทศไทยไม่มีการขายสัมปทานทำประมงให้แก่ต่างชาติ ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และขอให้กลุ่มนายทุนหยุดการกระทำดังกล่าว รวมถึงเรือที่ทำประมงโดยผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นหากสืบทราบแน่ชัดจะจับกุมดำเนินคดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงของ EU และ พ.ร.บ.การทำประมง รวมถึงการรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล ที่ทัพเรือภาคที่ 1 มีหน้าที่ในการปฏิบัติโดยตรงอีกด้วย
