น่าน - เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเมืองน่าน เปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าเขาหัวโล้นเมืองน่านต่อเนื่อง ล่าสุด ยึดพื้นที่บุกรุกใหม่ที่เวียงสาอีก 5 พันไร่ ยันบินตรวจแล้วเป็นนายทุนชัด ใช้เครื่องจักรหนักตัดถนน วางระบบน้ำพร้อมสรรพ ไม่ใช่คนยากไร้แน่
นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นายชัยรัตน์ แสงปาน ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ยังคงเดินหน้ายึดคืนเขาหัวโล้นเมืองน่านต่อเนื่อง
โดยวานนี้ (21 พ.ค.) สนธิกำลังป่าไม้ ร่วมกับจังหวัดน่าน หน่วยทหารมณฑลทหารบกที่ 38 ทหาร ม.พัน 15 ตำรวจ และฝ่ายปกครองกว่า 250 นาย วางแผนขอคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกใหม่ เขตบ้านบ่อหอยหมู่ 6 บ้านภักดีธรรมหมู่ 7 ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน อีกกว่า 5,000 ไร่
ซึ่งจากการบินสำรวจพื้นที่พบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นไร่ขิง อีกหนึ่งในพืชไร่เศรษฐกิจที่รุกเปิดป่าใหม่เพาะปลูก มีการลักลอบตัด และทำไม้ชิงชันที่เป็นไม้หวงห้ามด้วย
เจ้าหน้าที่ได้แบ่งชุดปฏิบัติการเป็น 2 ชุดๆ แรก เป็นทีมทำความเข้าใจต่อชาวบ้านถึงการปฏิบัติการ และชุดที่ 2 ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ โดยใช้มาตรการตามยุทธการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้บุกรุกผืนป่าน่าน เพื่อจับกุมกลุ่มนายทุนที่บุกรุกป่าใหม่
ก่อนเข้าปฏิบัติการได้ทำความเข้าใจต่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเพื่อชี้แจงถึงผลกระทบ ความเสียหายที่เกิดจากการปล่อยให้มีการบุกรุกป่า และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเรื่องพื้นที่ทำกิน และอาชีพภาคเกษตรที่ไม่มีทางเลือก ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการบุกรุกป่าขยายพื้นที่การเกษตร
นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ชี้แจงทำความเข้าใจต่อชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ว่า จากการบินสำรวจพื้นที่ดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ใช่เกษตรกรผู้ยากไร้ เพราะมีการสร้างกระท่อมการเปิดเส้นทางเข้าออกโดยใช้เครื่องจักรหนัก มีการวางระบบท่อน้ำในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของเกษตรกรที่มีพื้นที่ทำกินเพียงแค่ความพออยู่พอกินแน่นอน ดังนั้น กลุ่มนายทุนลักษณะนี้ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการ
นายอรรถพล ยังทำความเข้าใจต่อชาวบ้านว่า การทำงานของกรมป่าไม้มุ่งเน้นที่กลุ่มนายทุนเป็นหลัก และขอความร่วมมือชาวบ้านให้ช่วยแจ้งเบาะแสการตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกป่าเพื่อความมั่งคั่งของกลุ่มนายทุน และทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบความเดือดร้อนด้วย
ด้าน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กล่าวว่า หลังจากขอคืนพื้นที่แล้ว จะใช้ ม. 25 ของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อดำเนินการรื้อถอนทั้งเพิงพัก ระบบน้ำ และทำลายตัดเส้นทางเข้าออกทันที จากนั้นจะให้ชุดหมุนเวียนเข้าติดตามตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนกลับเข้าไปบุกรุกเข้าไปลักลอบซ้ำซาก และจะนำพื้นที่ดังกล่าวมาทำเป็นวนเกษตร เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
