xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ปิดถนนสายอนุรักษ์-เร่งเคลียร์ต้นยางนาล้ม ชาวสารภียังผวา-ไม่กล้านอนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงใหม่ - เจ้าหน้าที่ปิดถนนสายอนุรักษ์เชียงใหม่-ลำพูน หรือถนนสายต้นยาง เร่งเคลียร์ต้นยางนาที่ถูกพายุพัดล้มขวางเส้นทางออก คาดเปิดใช้ได้ตามปกติค่ำนี้ พบเสาไฟล้มรวม 21 ต้น กฟภ.ต้องระดมกำลังนับร้อยแก้ไข ค่ำนี้อาจจ่ายไฟได้ไม่ครบ 100% ด้านชาวบ้านยังผวา บางคนไม่กล้านอนในบ้าน

วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เริ่มปิดถนนสายอนุรักษ์เชียงใหม่-ลำพูน (สายเก่า) หรือถนนสายต้นยาง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ก่อนที่ อบจ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งนำรถเครน และเจ้าหน้าที่เข้าตัดต้นยางนายักษ์อายุกว่า 200 ปี ที่ถูกพายุหมุนพัดถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมา จนล้มขวางถนนบริเวณหน้าวัดกองทราย ต.หนองผึ้ง อ.สารภี

ซึ่งจะต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการเคลียร์เศษซากกิ่งต้นยางนาออก เนื่องจากตัดยาก และทับสายไฟฟ้า-หลังคาบ้านเรือนประชาชนอยู่ ต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดเพื่อความปลอดภัย คาดว่าจะเปิดใช้เส้นทางได้ตามปกติในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน ส่วนต้นยางนายักษ์ที่ล้มทับบ้านเรือนประชาชนพังเสียหายอีกหลายหลังด้วยนั้น อาจต้องใช้เวลาในการตัดอีกหลายวันกว่าจะแล้วเสร็จ

นายวีรศักดิ์ มโนวรรณ์ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มีเสาไฟฟ้าแรงต่ำ และแรงสูงหักโค่น รวมจำนวน 21 ต้น ทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวนกว้าง ประชาชนได้รับผลกระทบ ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้มากกว่า 500 ครอบครัว

ทาง กฟภ.ต้องระดมพนักงานนับ 100 คน พร้อมเครื่องจักรกล เร่งทำการรื้อถอนเปลี่ยนเสาไฟฟ้าใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในค่ำวันนี้ และจะเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ใช้ได้ตามปกติได้ร้อยละ 90 ของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และอีกบางส่วนอาจจะยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่การไฟฟ้าฯ จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้เร็วที่สุด

ด้านนายคุณวัฒน์ สุคันธะกุล นายอำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งไปสำรวจความเสียหาย และอำนวยความสะดวกในการตัดต้นยางนายักษ์ บอกว่า ไม้ต้นยางนายักษ์ที่ถุกพายุหมุนพัดล้มทั้งหมด 7 ต้นนั้น จะให้ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำไปเก็บรักษาไว้ ส่วนต้นยางนายักษ์ที่เหลือต้องมีการสำรวจอีกครั้ง หากต้นไหนมีความเสี่ยง หรือไม่ปลอดภัย ต้องนำเข้าที่ประชุมเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป

ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุครั้งนี้มีค่อนข้างมาก แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน ขณะที่ประชาชนที่มีบ้านเรือนติดกับถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ยังคงผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนไม่กล้าเข้าไปนอนในบ้าน ขณะที่บางคนถึงกับนั่งร้องไห้ เพราะบ้านพังเสียหาย ไม่รู้จะไปเรียกร้องค่าเสียหายกับใครเนื่องจากเป็นภัยธรรมชาติ









กำลังโหลดความคิดเห็น