ร้อยเอ็ด - ชุดพิทักษ์สาเกตุ จ.ร้อยเอ็ด จับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 12,426 เม็ด ด้าน ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เผยผลกวดล้างเครือข่ายยาบ้าอย่างหนัก ทำให้ผู้ค้ายาบ้าเปลี่ยนเส้นทางส่งยาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตามแนวชายแดน เป็นยาบ้าที่มาจากภาคเหนือแทน
วันนี้ (16 พ.ค.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยนายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผวจ.ร้อยเอ็ด พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.สถาภรณ์ ใบพลูทอง ผบ.กกล.รส.จว.ร้อยเอ็ด แถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ของชุดพิทักษ์สาเกตุ อันประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายประยูร หรือยูร ลอยประโคน อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 9 ต.หนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นายสุรศักดิ์ หรือจ๊อบ เอี่ยมสมบูรณ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 หมู่ 7 ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด และนายอภิชาติ หรือปุ๊ ภูสมสาย อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 5 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมยาบ้าของกลาง จำนวน 12,426 เม็ด
ทั้งนี้ มีการจับกุม 2 รายแรก คือ นายประยูร และนายสุรศักดิ์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2559 เวลาประมาณ 21.00 น. ที่บริเวณลานจอดรถหน้าบึงพลาญชัย ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด และจากนั้นขยายผลจับกุม นายอภิชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 เวลาประมาณ 12.30 น. ที่ถนนท้ายหมู่บ้านหลุมข้าว ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
พร้อมด้วยของกลาง คือ ยาบ้า จำนวน 12,426 เม็ด โทรศัพท์ 4 เครื่อง รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน กต 2918 บุรีรัมย์ เงินสด จำนวน 10,500 บาท โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ยาเสพติด และผู้ค้าทั้ง 3 คน ที่ร่วมเครือข่ายในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นยาบ้าที่มาจากทิศทางที่เปลี่ยนจากเข้ามาทางชายแดนอีสาน เป็นส่งยาผ่านมาจากทางภาคเหนือ หลังจากที่ตำรวจในพื้นที่ภาคอีสานสนธิกำลังกันปราบปรามอย่างหนักจนยากต่อการส่งยาเข้ามาตามปกติ จนต้องเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงยาเข้ามาจากภาคเหนือแทน
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้จะปราบปรามอย่างหนักก็ยังคงพยายามจะส่งยาเข้ามาจำหน่าย การเปลี่ยนเส้นทางเป็นการวางแผนกันของผู้ต้องขังรายที่มาจากภาคเหนือ ที่เจอกันในเรือนจำแล้วตั้งเป็นเครือข่ายขึ้นมาใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดปรามปรามยาเสพติดมีการปรับแผนเฝ้าระวังให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อสกัดเส้นทางยาเสพติด ซึ่งในปัจจุบัน น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีการระบาดเข้าไปยังสถานการศึกษามากขึ้น และใช้นักศึกษาที่เสพยาเป็นผู้จำหน่ายขายยาแทน ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วง