ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ยังมีหมอกควันคลุมทั่วเมือง แต่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กลดระดับลงไม่เกินค่ามาตรฐานแล้ว ขณะที่โฆษกศูนย์อำนวยการสั่งการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ระบุเพิ่งพบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเพียง 3 วันนับตั้งแต่เข้าช่วง 60 วันห้ามเผา ชี้สถานการณ์ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เหตุสามารถควบคุมการเผาได้ดีขึ้น
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (22 มี.ค. 59) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกควันไฟป่าหนาทึบ อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ พบมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ไม่เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศไม่เกินค่ามาตรฐาน 100
ทั้งที่สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สถานีศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่วานนี้พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ 144 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 138 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ
ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ (21 มี.ค. 59) ที่สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 อยู่ที่ 107 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 92 ส่วนที่สถานีศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 อยู่ที่ 99 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 87
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษได้มีการแจ้งเตือนให้มีการควบคุมการเผาอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง พร้อมข้อแนะนำด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ว่า เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก นอกจากนี้ให้ปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์
ด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการสั่งการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ของจังหวัดเชียงใหม่ที่วัดค่าได้ 144 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เป็นการเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เป็นวันที่สามในช่วง “60 วัน ห้ามเผาเราทำได้ เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 59 เป็นต้นมา ซึ่งในภาพรวมถือว่าดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่จำนวนจุดความร้อน (Hotspot) สะสมในช่วงตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 59-21 มี.ค. 59 ในจังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนทั้งสิ้น 361 จุด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีสะสม 1,882 จุด ในช่วง 60 วันห้ามเผา ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าปีนี้จังหวัดเชียงใหม่สามารถควบคุมการเผาที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันไฟป่าเป็นอย่างดี
ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการสั่งการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ย้ำด้วยว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการทำงานอย่างเต็มที่และต่อเนื่องในการป้องกันสกัดกั้นและควบคุมการเผาทุกชนิด ทั้งการลาดตระเวนและเร่งดับไฟโดยเร็วทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ
จากข้อมูลของ GISTDA พบว่าในห้วง 7 วัน ระหว่างวันที่ 21-27 มี.ค. 59 จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า แบ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงมาก ได้แก่ ตำบลแม่ทะลบ อำเภอไชยปราการ และพื้นที่เสี่ยงปานกลาง ได้แก่ ตำบลเมืองนะ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว, ตำบลแสนไห ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง, ตำบลป่าแดด อำเภอกัลยาณิวัฒนา, ตำบลบ้านทับ ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด, ตำบลอมก๋อย ตำบลนาเกียน ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการจัดชุดลาดตระเวนอย่างเข้มงวดต่อไป
ส่วนการนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้ที่จุดไฟเผาในที่โล่งนั้น ที่ผ่านมาสามารถจับกุมดำเนินคดีไปแล้วรวม 11 ราย และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป