พะเยา - มท.1 มอบโฉนดที่ดินแปลงใหม่ตามโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดพะเยา และตามความคืบหน้าการยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวก อ.ภูซาง เป็นด่านถาวร
วันนี้ (4 มี.ค. 59) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดินแปลงใหม่ให้แก่เจ้าของที่ดิน 19 ราย พร้อมทั้งได้ทำพิธีเปิดถนน ตามโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ที่ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย โดยมีนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ให้การต้อนรับ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการพัฒนาและแก้ปัญหาผังเมืองอย่างเป็นระบบเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างเท่าเทียม โดยได้ดำเนิน “โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่” ซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ที่ได้นำมาใช้ในการพัฒนาพื้นที่และแก้ไขปัญหาที่ดินในชุมชนที่ไม่เป็นระเบียบทางผังเมือง หรือเป็นพื้นที่ซึ่งประปา ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ตลอดจนที่ดินตาบอดที่ไม่มีทางเข้าออกหรือรูปแปลงที่ดินบิดเบี้ยวใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มค่า โดยการนําแปลงที่ดินหลายๆ แปลงมารวมกันเพื่อจัดรูปแปลงที่ดินใหม่ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และบริการสาธารณะต่างๆ โดยอาศัยหลักความร่วมมือของเจ้าของที่ดินที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งอาจจะต้องสละที่ดินบางส่วนของตนเพื่อนำมาจัดรูปที่ดินตามกระบวนการ จากนั้นจึงจะออกเอกสารสิทธิแปลงที่ดินหลังการจัดรูปแปลงที่ดินใหม่ให้กับเจ้าของที่ดินเดิมอย่างเป็นธรรม
โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้ทุกจังหวัดดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินฯ 1 จังหวัด 1 โครงการ เพื่อเป็นโครงการนำร่องของแต่ละจังหวัด ซึ่งจังหวัดพะเยาเป็นหนึ่งใน 10 โครงการจัดรูปที่ดินฯ เพื่อการก่อสร้างถนนตามผังเมืองรวมที่ได้รับงบประมาณในปี 2557 โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ร่วมกับจังหวัดพะเยา เทศบาลเมืองพะเยา และเทศบาลตำบลท่าวังทอง คัดเลือกและกำหนดพื้นที่โครงการจัดรูปที่ดินฯ ในเขตผังเมืองรวมเมืองพะเยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชุมชนแต่เป็นพื้นที่ตาบอดไม่ได้รับการพัฒนา โดยได้ดำเนินการเจรจาเพื่อให้เจ้าของที่ดินเข้าร่วมโครงการฯ มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 19 ราย เนื้อที่ 65 ไร่
จากนั้นได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขขอบเขตและถนนในโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ตาบอด โดยก่อสร้างถนนสายหลักของโครงการฯ เชื่อมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 พหลโยธิน (สายใหม่) กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (สายเดิม) และถนนสายรองในโครงการฯ จำนวน 2 สาย พร้อมทางเท้าทั้งสองฝั่ง ระบบไฟฟ้าส่องสว่างและขยายเขตไฟฟ้าประปาตลอดแนวถนนเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
ซึ่งภายหลังได้จัดรูปที่ดินแล้วพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเจ้าของที่ดินที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างคุ้มค่าเต็มประสิทธิภาพ มีแปลงที่ดินใหม่ที่รูปทรงเป็นระเบียบสวยงาม มูลค่าสูงขึ้น มีระบบสาธารณูปโภคที่ได้มาตรฐาน ทำให้ชุมชนมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น
ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินฯ หลายโครงการทั่วประเทศ รวมจำนวน 29 โครงการ และมีแผนที่จะดำเนินการโครงการจัดรูปที่ดินฯ ให้ครบทุกจังหวัดภายในปี 2561
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ได้เดินทางไปที่โรงผลิตปุ๋ยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา เพื่อดูการผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่ผลิตด้วยเครื่อง EWA (อีว้า) (Ecological Waste Apparatus) ซึ่งเป็นเครื่องแปรรูปอินทรียสารให้ย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว โดยเครื่องดังกล่าวสามารถแปรรูปอินทรียสารจากขยะ เช่น เศษวัชพืช ผักตบชวาที่มีมากในกว๊านพะเยา เปลือก และซังข้าวโพด ฟางข้าว ด้วยเวลาเพียง 24-72 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพการกำจัดและการแปรรูปเป็นปุ๋ยที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ที่ผ่านมาได้ผลิตปุ๋ยแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงแปรรูปผักตบชวาแจกจ่ายให้เกษตรกรในโครงการคืนความสุขให้ชาวนา เปลี่ยนผักตบชวาให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วย
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ได้เดินทางไปที่จุดผ่อนปรนบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา เพื่อติดตามความคืบหน้าการผลักดัน การยกระดับให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดพะเยาได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนามาตลอด โดยได้มีโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จ.พะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ-บ้านปากคอบ บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว และงานก่อสร้างอาคารด่านพรมแดน บ้านปางมอญ เพื่อรองรับการยกระดับจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวกในอนาคต
ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อมีการยกระดับเป็นด่านถาวรแล้ว มูลค่าการส่งออก และนำเข้าจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าภาคการเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนสินค้าส่งออกเป็นสินค้าเกี่ยวกับการก่อสร้าง และสินค้าเชื้อเพลิง เป็นต้น