กำแพงเพชร - สาวลาววัย 27 ปี กลายเป็นศพปริศนาคาห้องเช่าเมืองกล้วยไข่ พบถูกกางเกงยีนส์รัดคอ ขณะที่ทรัพย์สินทั้งมือถือ ทอง เงินสดหายเกลี้ยง ด้านเจ้าของห้องพักบอกผู้ตายเป็นแฟนเพื่อนที่เพิ่งเสียชีวิต ไม่รู้จะไปไหนจึงให้พักระหว่างไปบวช สึกออกมากลับเจอกลายเป็นศพ
วันนี้ (27 ก.พ.) พ.ต.ต.ยุทธนา พุกสุข พนักงานสอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิตภายในห้องพัก จึงรายงานต่อ พ.ต.ท.เฉลี่ยว เที่ยงตรง รอง ผกก.สภ.คลองขลุง พร้อมประสานอาสาสมัครกู้สว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน จุดโค้งวิไล และจุดคลองขลุง ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องแบ่งเช่าที่มีอยู่จำนวน 10 ห้อง ภายในห้องเลขที่ 7 พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิง อยู่ในสภาพนอนหงายมีผ้าห่มคลุมตัว บริเวณลำคอมีกางเกงยีนส์ขายาวรัดคอ มีเลือดออกที่จมูก คาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ตรวจสอบพบบัตรสัญชาติลาว ชื่อ น.ส.ไพรวัลย์ สอนสวัส อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 31 ม.1 ต.แม่ลาด อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
สอบถาม นายสอน ศรีทอง อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 12 ม.16 ต.ทุ่งทราย อ.ทรายทองวัฒนา จ.กำแพงเพชร ผู้พบศพเปิดเผยว่า ตนไปบวชอยู่ที่วัดถาวรวัฒนาใต้ ต.ถาวรวัฒนา อ.ทรายทองวัฒนา จ.กำแพงเพชร ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.59 ที่ผ่านมา โดยให้ผู้ตายที่มีอาชีพรับจ้างฉีดยาข้าว และเป็นแฟนของเพื่อน พัก และดูแลห้องไปด้วย เพราะแฟนของผู้ตายก็เพิ่งเสียชีวิต และผู้ตายก็ยังไม่รู้จะไปที่ไหน แม้จะไม่ค่อยสนิทกันนักก็ตาม เพราะผู้ตายไม่ค่อยพูด
จนกระทั่งตนสึก แล้วกลับมาที่ห้องในเวลาประมาณ 10.30 น. เห็นกุญแจล็อกอยู่ จึงขับรถออกไปกินข้าว จนกระทั่งเวลาประมาน 12.00 น. จึงกลับมาที่ห้องเช่าอีกครั้งพบว่า ห้องก็ยังปิดอยู่ ซึ่งตนไม่มีกุญแจเปิดเข้า จึงเรียกลุงที่อยู่ใกล้ๆกัน มาช่วยงัดห้อง จนพบศพ น.ส.ไพรวัลย์ นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องดังกล่าว
ด้านแพทย์เวร และหน่วยกู้ภัยฯ ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบสภาพศพลิ้นจุกปาก มีกางเกงยีนส์พันรอบคอ จำนวน 2 รอบ มีเลือดออกบริเวณจมูก ปาก ใบหน้าเขียวคล้ำ ส่วนลำตัวไมมีร่องรอยการถูกทำร้าย มีทรัพย์สินหายไปเป็นโทรศัพท์มือถือ ทองคำ 2 สลึง และเงินสด 15,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมกับบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนให้หน่วยกู้ภัยสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน จุดโค้งวิไล นำศพผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลคลองขลุง เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต และจะสอบถามข้อมูลจากเพื่อนบ้าน และญาติ พร้อมกับติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป