xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์แห่กราบสังขารหลวงพ่อพูล 11 ปี สีผิวเปลี่ยนเป็นสีทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครปฐม - ผ่านไป 11 ปี “หลวงพ่อพูล” อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เกจิดังลุ่มน้ำท่าจีนที่ได้ละสังขาร จนถึงวันนี้ศิษยานุศิษย์ยังคงศรัทธาเหนียวแน่น โดยเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “หลวงพี่น้ำฝน” จะนำสังขารลงมาเปลี่ยนจีวร และทุกปีพบว่าสังขารของ “หลวงพ่อพูล” จะเปลี่ยนเป็นสีทอง และเส้นเลือดที่ขมับจะดูปูดบวมเหมือนยังมีชีวิต สร้างปรากฏการณ์แห่เข้าชมกันแน่นวัด

วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา ที่วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดพิธีดังที่เคยทำมาเช่นทุกปีคือ การนำสังขารของหลวงพ่อพูล อัตตรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ที่ได้ละสังสังขารไปเมื่อปี 2548 และมีความอัศจรรย์คือ สังขารไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา ซึ่งได้บรรจุไว้ในโลงแก้วกระจกออกมาทำการเปลี่ยนจีวร และเปิดให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เข้าช่วยกันทำความสะอาด และเปลี่ยนจีวรเพื่อความเป็นสิริมงคล และให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ชื่นชมบารมีของหลวงพ่อพูลที่เป็นอมตะดังเช่นเกจิผู้เพียรหลายรูปมีสังขารที่ไม่ย่อยสลายไป

ทั้งนี้ ในพิธีการดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่ได้มีการนำสังขารของหลวงพ่อพูลอออกจากโลงแก้ว เพื่อนำมาตั้งไว้กลางศาลาการเปรียญเพื่อมาตั้งบนแท่นการทำความสะอาด โดยทุกคนที่จะสัมผัสสังขารของหลวงพ่อพูลจำเป็นต้องสวมถุงมือเพื่อป้องกันความชื้นที่จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้น ซึ่งขั้นตอนการทำความสะอาดก็จะใช้สำลีชุบด้วยแอลกอฮอล์มาใช้ทาทั่วสังขารของหลวงพ่อพูล เพื่อฆ่าเชื้อโรค และเชื้อราซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังสำหรับการจัดเก็บสังขารที่ต้องอยู่ในที่อบ และมีความชื้นสูง โดยศิษยานุศิษย์ที่ได้เข้ามาร่วมในพิธีการดังกล่าวต่างถือเป็นมงคลที่ได้เข้ามาร่วมภายในงาน ซึ่งหลังการเปลี่ยนจีวรผืนใหม่ก็จะนำจีวรผืนเก่ามาตัดแบ่งแจกให้ผู้เข้าร่วมในพิธีนำไปเก็บไว้เป็นมงคล และเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงหลวงพ่อพูล ดังที่เคยทำมาแล้ว 11 ปี ซึ่งพิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน รักษาการเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวในพิธีว่า สำหรับพิธีการทำความสะอาดสังขาร และเปลี่ยนจีวรให้กับหลวงพ่อพูล ได้ทำมาตั้งแต่ปีแรกๆ ที่หลวงพ่อพูลท่านได้ละสังขารไป โดยตั้งแต่แรกที่ปรากฏความอัศจรรย์คือท่านได้ละสังขารของท่าน เมื่อวันวิสาขบูชา เมื่อปี 48 แต่สังขารกลับไม่เน่าเปื่อย จากนั้นจึงได้มีการเปลี่ยนจีวร และทำความสะอาดสังขารท่านปีแรกๆ ได้ทำแบบปิด แต่พบว่ามีลูกศิษย์ลูกหามารอกันที่หน้าศาลาเป็นจำนวนมาก ต่อมา จึงได้เปิดให้มีการเข้ามาชม และร่วมในพิธี ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่าเส้นผมของหลวงพ่อพูลท่านจะขึ้นยาวมากขึ้นทุกปี และเส้นเลือดต่างๆ ก็จะยังปูดบวม โดยปีนี้เส้นเลือดที่ขมับนั้นปรากฏขึ้นเป็นเส้นชัดเจน

นอกจากนี้ ที่หลายคนรู้สึกถึงความอัศจรรย์คือ ในปีนี้สังขารของหลวงพ่อพูลได้มีการเปลี่ยนแปลงคือ จากสีที่เป็นสีดำคล้ำ ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสีทอง ซึ่งหลายคนที่ได้ร่วมในพิธีต่างเกิดความปีติที่ได้พบสิ่งมงคล ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์เชื่อว่าเกิดจากบารมีของหลวงพ่อพูลที่ได้มีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในร่มกาสาวพัตร นานกว่า 70 ปี และเป็นพระที่สมถะ เรียบง่าย มีการบำเพ็ญเพียรด้วยความตั้งมั่น จึงทำให้สังขารของท่านยังเหมือนกับมีชีวิต

“อาตมามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของบารมีของหลวงพ่อพูล ซึ่งวันนี้มี่คำตอบง่ายๆ คือ การคิดดีทำดี ย่อมมีผลดี การที่หลวงพ่อพูล ท่านสร้างผลของความดี ย่อมประจักษ์ต่อสาธุชน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงเรียน การสนับสนุนการแพทย์ การช่วยเหลือสังคม เป็นกิจที่ท่านได้ทำต่อเนื่องจากการบำเพ็ญเพียร พลังของความดีจึงปรากฏในวันนี้ให้ได้เห็น และอยากให้สาธุชนยึดเอาความดีเป็นที่ตั้งดังที่หลวงพ่อพูลท่านได้ทำไว้ แม้ท่านจะจากไปแต่สังขารและความดีของท่านไม่ได้จากไปด้วยนั่นเอง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น