ฉะเชิงเทรา - โจรใจบาปสบช่องพระในวัดไชยภูมิธาราม หรือวัดท่าอิฐ จ.ฉะเชิงเทรา ติดกิจนิมนต์จนไม่เหลือพระเฝ้าวัด ลงมืองัดตู้บริจาคเงินช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟ และค่าธูปเทียนทองบูชาภายในวิหารหลวงพ่อเผ็ง ฉกเงินกว่า 5 พันบาท หนีลอยนวล ด้าน ตร.เตรียมแกะรอยกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุเพื่อตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (22 ก.พ.) ร.ต.ท.หญิง วิลาสินีย์ จันทร์สว่าง พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า มีคนร้ายแฝงตัวทำทีเข้ามากราบไหว้พระ และทำบุญภายในวิหารหลวงพ่อเผ็ง วัดไชยภูมิธาราม หรือวัดท่าอิฐ ซึ่งตั้งอยู่ริมลำน้ำบางปะกง พื้นที่หมู่ 2 ตำบลบางพระ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ก่อนจะงัดเอาเงินในตู้รับบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าธูปเทียนทองเครื่องบูชาของทางวัดหลบหนีไป จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลบางพระ
ในที่เกิดเหตุพบ นายสุทัน มั่นยิ่ง อายุ 60 ปี ไวยาวัจกรของวัดที่ได้พาเจ้าหน้าที่ พร้อมผู้สื่อข่าวเข้าไปดูยังจุดเกิดเหตุ พร้อมบอกว่า เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา ได้มีนักท่องเที่ยว และพุทธศาสนิกชนผู้แสวงบุญเดินทางเข้ามาทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมาก และทางวัดได้เปิดวิหารหลวงพ่อเผ็ง ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งลำน้ำบางปะกง ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา
โดยช่วงเวลาระหว่าง 10.30-12.00 น. พระสงฆ์ภายในวัด รวมทั้งเจ้าอาวาสซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 10 รูป ติดกิจนิมนต์จึงไม่มีพระอยู่เฝ้าวัด ทำให้มิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุงัดแงะตู้บริจาคภายในวิหาร ซึ่งคาดว่ามีเงินอยู่ภายในตู้ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท ซึ่งหลังจากพระสงฆ์กลับจากกิจนิมนต์ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ตู้บริจาค
เมื่อตรวจสอบดูก็พบมีร่องรอยการงัดแงะ และเงินบริจาคหายไปเกือบหมดตู้ จึงได้ย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวิหาร จนพบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-35 ปี สูงประมาณ 175 เซนติเมตร ขี่รถจักยานยนต์เข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าวิหาร ก่อนจะเดินขึ้นมาเปิดประตู้รั้วชั้นนอก และทำทียกมือไหว้ที่ด้านหน้าวิหาร และเดินตรงเข้ามานั่งไหว้พระก่อนจะลุกขึ้นเดินดูลาดเลา
เมื่อสบโอกาสจึงลงมืองัดสลักแม่กุญแจล็อกลิ้นชักที่ด้านหลังตู้บริจาค และโกยเอาเงินซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนบัตรฉบับละ 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ยัดใส่กระเป๋ากางเกงจนตุงทั้งสองข้าง ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร.ต.ท.หญิง วิลาสินีย์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบหารายละเอียดของคนร้าย และเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับลักษณะ และพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ถึง 3 ตัว เพื่อนำไปสืบสวนหาตัวคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (22 ก.พ.) ร.ต.ท.หญิง วิลาสินีย์ จันทร์สว่าง พนักงานสอบสวนเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า มีคนร้ายแฝงตัวทำทีเข้ามากราบไหว้พระ และทำบุญภายในวิหารหลวงพ่อเผ็ง วัดไชยภูมิธาราม หรือวัดท่าอิฐ ซึ่งตั้งอยู่ริมลำน้ำบางปะกง พื้นที่หมู่ 2 ตำบลบางพระ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ก่อนจะงัดเอาเงินในตู้รับบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าธูปเทียนทองเครื่องบูชาของทางวัดหลบหนีไป จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลบางพระ
ในที่เกิดเหตุพบ นายสุทัน มั่นยิ่ง อายุ 60 ปี ไวยาวัจกรของวัดที่ได้พาเจ้าหน้าที่ พร้อมผู้สื่อข่าวเข้าไปดูยังจุดเกิดเหตุ พร้อมบอกว่า เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา ได้มีนักท่องเที่ยว และพุทธศาสนิกชนผู้แสวงบุญเดินทางเข้ามาทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมาก และทางวัดได้เปิดวิหารหลวงพ่อเผ็ง ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งลำน้ำบางปะกง ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา
โดยช่วงเวลาระหว่าง 10.30-12.00 น. พระสงฆ์ภายในวัด รวมทั้งเจ้าอาวาสซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 10 รูป ติดกิจนิมนต์จึงไม่มีพระอยู่เฝ้าวัด ทำให้มิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุงัดแงะตู้บริจาคภายในวิหาร ซึ่งคาดว่ามีเงินอยู่ภายในตู้ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท ซึ่งหลังจากพระสงฆ์กลับจากกิจนิมนต์ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ตู้บริจาค
เมื่อตรวจสอบดูก็พบมีร่องรอยการงัดแงะ และเงินบริจาคหายไปเกือบหมดตู้ จึงได้ย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวิหาร จนพบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25-35 ปี สูงประมาณ 175 เซนติเมตร ขี่รถจักยานยนต์เข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าวิหาร ก่อนจะเดินขึ้นมาเปิดประตู้รั้วชั้นนอก และทำทียกมือไหว้ที่ด้านหน้าวิหาร และเดินตรงเข้ามานั่งไหว้พระก่อนจะลุกขึ้นเดินดูลาดเลา
เมื่อสบโอกาสจึงลงมืองัดสลักแม่กุญแจล็อกลิ้นชักที่ด้านหลังตู้บริจาค และโกยเอาเงินซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนบัตรฉบับละ 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ยัดใส่กระเป๋ากางเกงจนตุงทั้งสองข้าง ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ร.ต.ท.หญิง วิลาสินีย์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบหารายละเอียดของคนร้าย และเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับลักษณะ และพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ถึง 3 ตัว เพื่อนำไปสืบสวนหาตัวคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย