ศูนย์ข่าวภาคเหนือ -อธิบดีกรมอุทยานฯ ตามส่องปัญหาหมอกควันไฟป่าเขตสำนักฯ อนุรักษ์ที่ 15 พบเดือนนี้ Hot Spot โผล่เชียงรายแล้วเกือบ 100 จุด ขณะที่ ปภ.ส่งรถต่อต้านวินาศกรรมฯ เข้าประจำการภาคเหนือตอนบน พ่นสเปรย์น้ำเพิ่มความชุ่มชื้นเต็มที่
วันนี้ (20 ก.พ.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เดินทางไปรับฟังสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่า และมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าแก่เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ประจำ จ.เชียงราย และพะเยา
ซึ่งจากการสรุปของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.พ.นี้เจ้าหน้าที่ได้พบจุดเกิดไฟป่าหรือฮอตสปอตใน จ.เชียงราย รวมแล้วมีจำนวน 95 จุด ส่วน จ.พะเยามีจำนวน 10 จุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ร่วมกันออกสกัดกั้นและลาดตระเวนป้องกันการเกิดไฟป่าแล้วเกือบ 300 นาย โดยจะเน้นให้เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง 12 ตำบล 5 อำเภอ
นายธัญญากล่าวว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าปีนี้มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา จึงได้มอบนโยบายโดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานแบบบูรณาการ โดยเฉพาะการร่วมกับหน่วยทหาร ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ดึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนมาเป็นแนวร่วมเพื่อให้การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าเกิดประสิทธิภาพ และให้ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ร่วมกันคุมเข้มการเผาเพื่อลดปัญหาหมอกควันไฟป่าจากปีที่ผ่านมาให้ได้ 50% หากพื้นที่ไหนเกิดปัญหาซ้ำซากก็จะให้หัวหน้าหน่วยรับผิดชอบตามลำดับชั้น
ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้กล่าวเน้นย้ำให้ระดับหัวหน้าลงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ส่วนกรณีการประชาสัมพันธ์ลดการจุดไฟเผามีปัญหาด้านการใช้ภาษากับชาวไทยภูเขา หรือชนเผ่าต่างๆ ทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้สั่งให้เร่งจัดทำเสียงประชาสัมพันธ์เป็นภาษาชนเผ่าแต่ละชนเผ่าไปเปิดในชุมชน เพื่อการประชาสัมพันธ์เข้าถึงทุกกลุ่มในการร่วมแก้ปัญหาหมอกควันอันเกิดจากไฟป่าต่อไป
วันเดียวกัน จังหวัดลำพูนร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี, เขต 10 ลำปาง และ สนง.ปภ.ลำพูน) และเทศบาลเมืองลำพูน ได้นำรถหุ่นยนต์ต่อต้านวินาศกรรมของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฉีดสเปรย์น้ำเพิ่มความชื้นในอากาศสลายหมอกควันในพื้นที่เมืองลำพูน บริเวณอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี, สนามกีฬากลาง และศูนย์ท่องเที่ยวจังหวัด รวม 30,000 ลิตร และยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดลำพูนจะเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและการท่องเที่ยวของจังหวัด
ขณะที่ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก ก็นำรถหุ่นยนต์ต่อต้านวินาศกรรมพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงควบคุมระยะไกลมาประจำไว้ในพื้นที่จังหวัดตากตลอดช่วง 60 วัน เพื่อพ่นสเปรย์น้ำเพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาหมอกควันไฟป่าด้วยเช่นกัน