ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ถูกหมอกควันที่เกิดจากการเผาปกคลุมหนาทึบต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เช่นเดียวกับอำเภอรอบนอกแทบทุกพื้นที่ต่างมีสภาพเดียวกัน ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจาก 2 สถานีในตัวเมืองเชียงใหม่ พบสถานีโรงเรียนยุพราชฯ ไม่มีรายงาน คาดอุปกรณ์ขัดข้อง ส่วนสถานีศาลากลางเชียงใหม่ ทั้งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 และดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปกติดีไม่เกินค่ามาตรฐาน
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วันนี้ (13 ก.พ.) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมหนาทึบด้วยหมอกควันที่เกิดจากการเผาป่า รวมทั้งฝุ่นควันจากการไอเสียของรถยนต์ และการก่อสร้าง จนมองจากระยะไกลไม่เห็นยอดดอยสุเทพเหมือนช่วงปกติต่อเนื่องติดกันเป็นวันที่ 3 แล้ว โดยไม่เฉพาะแต่พื้นที่ในตัวเมืองเชียงใหม่เท่านั้น ที่ต้องเผชิญต่อสภาพดังกล่าว
แต่ตามอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ ต่างก็ต้องประสบปัญหาเดียวกันนี้แทบจะทุกพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเร่งรณรงค์เน้นย้ำกำชับขอความร่วมมือจากประชาชนในทุกพื้นที่ให้ร่วมมือกันป้องกันแก้ไขปัญหานี้ด้วยการงดการเผาทุกชนิด และช่วยกันสอดส่องดูแลแจ้งเหตุเกี่ยวกับการเผาในพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้สามารถระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพตัวเมืองเชียงใหม่จะมีหมอกควันปกคลุมหนาทึบ อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น.วันนี้(13 ก.พ.) สถานีศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 อยู่ที่ 77 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 73 ซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 100 ตามลำดับ
ส่วนสถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไม่สามารถรายงานผลได้ คาดว่าเนื่องจากอุปกรณ์ขัดข้อง
สำหรับภาพรวมการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศของภาคเหนือของกรมควบคุมมลพิษนั้น ในวันนี้ (13 ก.พ.) พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 มีค่าระหว่าง 46-208 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โดยค่าสูงสุดอยู่ที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ได้มีการขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผาริมทาง และพื้นที่ป่า
หากมีความจำเป็นต้องเผาต้องขออนุญาตจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนดำเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทำแนวกันไฟ และควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้ และให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ หรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่น หรือลุกลามเข้าไปในเขตป่าโดยเฉียบขาด
นอกจากนี้ ขอให้ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนด้วย ซึ่งข้อแนะนำด้านสุขภาพสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากาก หรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้าน และหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์