ลำปาง - พ่อเฒ่าวัย 71 ปีชาวสารภีเชียงใหม่ ขับซีอาร์วีออกจากปั๊มเพื่อกลับบ้าน แต่หลงทิศ-เลี้ยวผิดทางจนรถชนกระบะ ก่อนพุ่งชนรถบรรทุกพ่วงจนพังยับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตคาซาก 1 สาหัสอีก 2
วันนี้ (9 ก.พ.) ร.ต.ท.ธนกฤต เพ็งสิน พนักงานสอบสวน สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถแวนชนกับรถกระบะและรถพ่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันซัสโก้ ถ.ไฮเวย์ลำปาง-เชียงใหม่ (ขาขึ้น) เขตบ้านทุ่งบ่อแป้น หมู่ที่ 2 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง จึงได้ประสานรถกู้ชีพ รพ.ห้างฉัตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยปงยางคก และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลำปาง รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กข 3773 เชียงใหม่ อยู่ในสภาพพังยับเยิน มีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ภายในรถทราบชื่อคือ นายสมชาย ยิ้มสาระ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/4 หมู่ 3 ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ คนขับ และนางนิตยา ยิ้มสาระ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/4 หมู่ 3 ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ ที่นั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงเร่งให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลนำรักษาตัวที่โรงพยาบาลห้างฉัตรอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ยังพบมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงสูงอายุ อยู่บริเวณเบาะหลังของรถ ทราบแต่ชื่อคือนางเล็ก ภูมิลำเนา จ.เชียงใหม่
จากการตรวจที่เกิดเหตุ พบว่ารถคันดังกล่าวนอกจากจะชนกับรถบรรทุกพ่วงอีซูซุ สีขาว ทะเบียน 70-5018 ลำปาง มีนายไพโรจน์ สนธิเณร อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เป็นคนขับ ที่บรรทุกเหล็กเส้นมาเต็มคันรถ ยังได้พุ่งชนกับรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา ทะเบียน ผย 3410 เชียงใหม่ ของนายนิกร อิ่นแก้ว อายุ 45 ปี ภูมิลำเนา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางมาจาก จ.พิจิตร เพื่อกลับบ้านที่เชียงใหม่ ได้รับความเสียหายบริเวณด้านท้ายรถด้วย
สอบถามนายไพโรจน์คนขับรถบรรทุกพ่วงเล่าว่า ได้ขับรถพ่วงมาจาก จ.สระบุรี เพื่อนำเหล็กเส้นไปส่งที่ จ.เชียงใหม่ โดยขับตามช่องทางด้านซ้าย มาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีรถยนต์ฮอนด้าพุ่งออกจากปั๊มน้ำมันซัสโก้ตรงที่เกิดเหตุ ก่อนจะเลี้ยวสวนเลนขึ้นมาจนพุ่งชนรถกระบะดีแมคซ์ที่ขับในช่องทางด้านขวา จากนั้นรถก็ได้พุ่งชนรถตนเองดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า คนขับรถยนต์ฮอนด้าซึ่งเป็นผู้สูงอายุและไม่ชำนาญทาง ขับรถเลี้ยวออกปั๊มน้ำมันเพื่อกลับบ้านที่เชียงใหม่ แต่ขับผิดทางและหลงทิศ ประกอบกับมีอาการตกใจจึงพุ่งชนเข้ารถบรรทุกพ่วงอย่างแรง แต่ก็จะได้ทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดต่อไปอีกครั้ง