ประจวบคีรีขันธ์ - ห่างกันไม่ถึงสัปดาห์ตำรวจรถไฟหัวหิน จับลักลอบขนยาบ้าอีกล็อตใหญ่ ล่าสุด เป็นหนุ่มร้านขายเครื่องเขียนในนครศรีธรรมราช แอบซุกยาบ้า 2 หมื่นเม็ด มาในกล่องกระดาษอ้างเป็นลำโพง สารภาพได้ค่าจ้าง 1 หมื่นบาท ขณะที่ตำรวจระบุเศรษฐกิจไม่ดีมีคนยอมเสี่ยงทำผิดกฎหมายหวังรวยทางลัดมากขึ้น ต้องมีการประสานงานด้านการข่าวกันอย่างใกล้ชิด
พ.ต.ต.ธาม ลอยสะเทื้อน สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหัวหิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดขึ้นตรวจค้นรถไฟเส้นทางสายไต้ในเขตรับผิดชอบ เพื่อสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนยาเสพติด โดยนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟตรวจค้นรถขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก ที่บริเวณสถานีจังหวัดเพชรบุรี หลังมีรายงานว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดมากับขบวนรถไฟดังกล่าวเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อตรวจค้นมาถึงตู้โดยสารคั้นที่ 11 บริเวณเลขที่ 19 พบชายหนุ่มอายุราว 30 ปี นั่งอยู่ข้างตัวมีกระเป๋าเป้ และถุงกระดาษจึงขออนุญาตตรวจค้น
พบในถุงกระดาษมีกล่องกระดาษพันด้วยเทปกาวมิดชิด โดยชายคนดังกล่าวระบุว่า เป็นกล่องลำโพง เมื่อเปิดออกพบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ จำนวน 2 มัด จึงควบคุมตัวมาลงที่สถานีรถไฟหัวหิน และนำตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจรถไฟหัวหิน ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายทวีศักดิ์ เวชการ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 2 ตำบลหนองตะเคียนบอน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว มีอาชีพทำงานร้านเครื่องเขียนในตำบลจันทร์ดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเคยติดคุกในข้อหาเสพยาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนเมษายนปี 2558 ตรวจสอบของกลางเป็นยาบ้าซึ่งบรรจุอยู่ในห่อกระดาษสาเคลือบเทียนป้องกันกลิ่น จำนวน 2 มัด มัดละ 10,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 20,000 เม็ด
จากการสอบสวน นายทวีศักดื รับสารภาพว่ารับจ้างลักลอบขนยาบ้ามาจากกรุงเทพมหานครเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ค่าจ้าง10,000 บาท หลังสอบสวนเสร็จแล้วจึงนำตัวพร้อมของกลางยาบ้า นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.ต.ธาม ลอยสะเทื้อน สารวัตรสถานีตำรวจรถไฟหัวหิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคม ตำรวจรถไฟหัวหิน จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ลักลอบขนยาบ้า จำนวน 170,000 เม็ด และวันที่ 28 มกราคม ได้ทำการผู้ต้องหา 2 ผัวเมีย ลักลอบขนยาบ้าอีก 2 หมื่นเม็ด ลงภาคใต้ และห่างกันไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้าล็อตใหญ่ 2 หมื่นเม็ดได้อีก ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มีการลักลอบขนยาเสพติดมากขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจทำให้มีคนยอมเสี่ยงทำผิดกฎหมายมากขึ้น
ล่าสุด กองบัญชาการสอบสวนกลางได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งมีการวางเครือข่ายเพื่อประสานงานด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของตำรวจรถไฟ จะมีการประสานงานกันทุกสถานี และจากการสอบสวนแม้ว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ทั้ง 3 ครั้ง จะไม่มีความเชื่อมโยงกัน แต่ต้องเพิ่มความเข้มในการตรวจค้นมากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดอย่างเต็มที่