xs
xsm
sm
md
lg

ประปาแปดริ้ววุ่นหลังน้ำเค็มทะลักแหล่งน้ำดิบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายมนตรี อุทัยศรี ผจก.การประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา แจงปัญหาน้ำประปา
ฉะเชิงเทรา - ประปาแปดริ้ววุ่น หลังน้ำเค็มทะลักแหล่งต้นทุนน้ำดิบในระบบชลประทาน เตรียมตั้งท่ารับมือ โดยเฉพาะซีกฝั่งขวาของลำน้ำบางปะกง เผยเคยวิกฤตมาแล้วชานเมืองเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ชี้ปีนี้อาจหนักกว่าหลังน้ำเค็มรุกเร็วกว่าปีก่อน



วันนี้ (26 ม.ค.) นายมนตรี อุทัยศรี ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำดิบในแหล่งน้ำต้นทุนการผลิตเป็นนำประปาเพื่อให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งมีเขตความรับผิดชอบ 8 อำเภอ ใน จ.ฉะเชิงเทรา รวมผู้ใช้น้ำกว่า 33,000 ราย ประกอบด้วย อ.บางคล้า พนมสารคาม แปลงยาว สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ บ้านโพธิ์ บางน้ำเปรี้ยว คลองเขื่อน และอีก 1 อำเภอในเขต ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ตลอดจนในเขต อ.เมืองฉะเชิงเทราบางส่วน ในแถบย่านชุมชนตามแนวเขตรอยต่อกับกรุงเทพฯ จุดที่เคยเกิดภาวะวิกฤตการขาดแคลนน้ำจืดในการนำมาผลิตเป็นน้ำประปา เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา (2558)

สำหรับในปีนี้ น้ำเค็มจากเขตพื้นที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ได้ไหลเข้ามาสู่ระบบชลประทานพระองค์ไชยานุชิต แหล่งต้นทุนน้ำดิบของการประปาบางคล้าด้านซีกฝั่งตะวันตก หรือฝั่งขวาของลำน้ำบางปะกง ซึ่งรับน้ำมาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านมาทางคลองระพีพัฒน์ และคลอง 13 ซึ่งได้เกิดภาวะน้ำเค็มรุกล้ำเลยจากสถานีผลิตน้ำประปาที่หมู่บ้านขวัญสะอาดไปแล้ว

นายมนตรี กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้การประปาส่วนภูมิภาคบ้างคล้า ซึ่งรับผิดชอบในการผลิตน้ำและส่งจ่ายให้แก่ชุมชนในบริเวณนั้น ประกอบด้วย หมู่บ้าน และชุมชนย่านชานเมืองรอยต่อกับกรุงเทพฯ และในเขตพื้นที่ ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จำเป็นต้องหยุดกระบวนการผลิตน้ำประปาอย่างถาวรแล้ว รวม 3 สถานี คือ สถานีบริเวณบ้านขวัญสะอาด 2 สถานี และสถานีเทพราชอีก 1 สถานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.59 ที่ผ่านมา และได้ประสานขอซื้อน้ำจากการประปานครหลวง และการประปาข้างเคียงเข้ามาส่งจ่ายให้บริการแก่ประชาชนแทนแล้ว ซึ่งถือว่าภาวะน้ำเค็มในปีนี้หนุนเร็วกว่าปีที่ผ่านมาที่เคยเกิดภาวะวิกฤตน้ำประปาเค็ม
การประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางคล้ารับผิดชอบ 8 อำเภอ ใน จ.ฉะเชิงเทรา
จากการคาดการณ์ของกรมชลประทาน ระบุว่า น้ำเค็มจะหนุนในช่วงต้นเดือน ก.พ.59 แต่ขณะนี้น้ำเค็มได้รุกเข้ามาถึงแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.59 ซึ่งถือว่ามาเร็วกว่าปกติ และอาจเกิดภาวการณ์ขาดแคลนน้ำดิบเพิ่มมากขึ้น เพราะน้ำเค็มจะเริ่มหนุนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าในปีนี้อาจจะรุนแรงกว่าเมื่อปี 2558 เพราะน้ำเค็มรุกล้ำเร็วกว่าปีก่อน โดยภาวการณ์ขาดต้นทุนน้ำดิบ หรือภัยแล้งปีนี้อาจจะยาวนานเป็นเวลาหลายเดือน

“หากมีน้ำฝนเข้ามาช่วยในช่วงเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย.ปีนี้ ก็จะแก้ปัญหาผ่านไปได้เร็วขึ้น และจะพ้นวิกฤตไปได้ เวลานี้จึงได้แต่รอเพียงน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ตามฤดูกาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะดูจากปริมาณน้ำต้นทุนด้านฝั่งตะวันตกที่ยังเหลืออยู่นั้น ยังมีไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งการประปาบ้างคล้าเองนั้น ได้เตรียมทำการบ้านอยู่ในขณะนี้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะส่งน้ำจากทางด้านฝั่งตะวันออกของลำน้ำบางปะกง ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบเข้าไปช่วยเสริมได้” นายมนตรี กล่าว

นายมนตรี กล่าวว่า จากบทเรียนน้ำประปาเค็มเมื่อปีที่แล้ว หลังเกิดปัญหาทางการประปาสาขาบางคล้า ได้นำเอามาเป็นบทเรียน และประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ใช้น้ำให้เข้าใจถึงปัญหา และได้มีการวางแผนไว้เป็นระยะตามขั้นตอน ด้วยการขอเสริมน้ำเข้ามาจากประปาข้างเคียง และจะมีรถน้ำเข้าไปเสริมในพื้นที่ให้บริการแต่ละจุดที่สำคัญ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่วนแผนระยาวนั้น การประปาส่วนภูมิภาคเองต้องกล้าลงทุน และประสานกับทางกรมชลประทานว่า บริเวณจุดใดที่มีการชี้เป้าไว้แล้วให้ทำแก้มลิงก็ต้องไปทำ เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากไว้ให้ได้
ปัญหาเกิดจากน้ำเค็มทะลักแหล่งน้ำดิบ
ที่ผ่านมา ยังขาดแคลนด้านงบประมาณสนับสนุนในการดำเนินการ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาค ต้องกล้าที่จะลงทุน และกล้าที่จะทำ ถ้าไม่ทำก็จะไม่เกิดเสถียรภาพในการผลิตน้ำประปาเพื่อให้บริการแก่ประชาชน โดยถ้าหากเราทำแก้มลิงได้ก็จะช่วยสู้ปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 เดือนเต็มในทุกๆ ปีได้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนของฤดูน้ำหลากนั้น พื้นที่บริเวณนี้กลับถูกน้ำท่วม แต่พอถึงฤดูแล้งกลับขาดแคลนน้ำ จึงต้องหาทางทำแก้มลิงเก็บน้ำไว้ให้ได้

นายมนตรี กล่าวต่อไปว่า ตนอยากจะบอกผ่านทางสื่อไปถึงผู้ใช้น้ำจากการประปาส่วนภูมิภาคบางคล้าว่า ก่อนถึงฤดูแล้งจัดในปีนี้ให้ทำการหาภาชนะเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เองให้ได้ปริมาณมากที่สุด ซึ่งหากช่วงไหนที่เกิดภาวการณ์ขาดแคลนน้ำรุนแรง หรือการประปาไม่พร้อมที่จะทำการจ่ายน้ำให้ก็จะได้นำรถน้ำเข้าไปเสริมช่วยเหลือ ซึ่งเราจะต้องบริหารจัดการน้ำให้ผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้จนถึงช่วงฤดูฝนกลางปี

ส่วนพื้นที่ทางด้านฝั่งตะวันออก หรือด้านซ้ายของลำน้ำบางปะกงนั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากยังมีแหล่งต้นทุนน้ำดิบเพียงพอ โดยจะสามารถรับน้ำได้จากอ่างเก็บน้ำแควระบม และอ่างเก็บน้ำคลองสียัด รวมถึงยังมีอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ในเขต อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เข้ามาเสริมได้อีกทางหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น