จันทบุรี -มิจฉาชีพหลอกประมูลทองผ่านเฟซบุ๊ก หลังมีหนุ่มวัย 25 ปี เป็นเซลล์แมนขายของตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อสูญเงิน 15,700 บาท ให้แก่มิจฉาชีพไป ก่อนหนุ่มเซลล์แมนเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน
วันนี้ (17 ม.ค.) นายสุทธิพงษ์ ชัยวังเย็น อายุ 25 ปี เป็นเซลล์แมนขายของ อยู่บ้านเลขที่ 69/10 หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ได้นำหลักฐานการคุยแชต รูปใบหน้ามิจฉาชีพ และในสลิปการโอนเงินให้แก่มิจฉาชีพให้ผู้สื่อข่าวดู หลังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกประมูลทองคำรูปประพรรณ น้ำหนัก 1 บาท ผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Bow ling Chompunuch โพสต์ในเพจ ชื่อว่า แบ่งปัน Dress ราคาเบาๆ by นังนู๋ใบชา
จากการตรวจสอบพบว่า มิจฉาชีพที่หลอกชื่อ นางชมพูนุช จันทรังษี อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 3 ตำบลยุหว่า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายได้หลงเชื่อ และเข้าไปติดต่อเพื่อประมูลทองคำรูปประพรรณ น้ำหนักประมาณ 1 บาท โดยผู้เสียหายได้แจ้งยอดเข้าไปที่เฟซบุ๊กของมิจฉาชีพ ในราคา 15,730 บาท จากนั้น นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหาย ได้มีการต่อรองเหลือ 15,700 บาท ไม่นานเจ้าของโพสต์ที่เป็นมิจฉาชีพได้ตอบกลับมาว่า นายสุทธิพงษ์ ได้สิทธิในการประมูลทองคำรูปประพรรณ และให้ นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายมีการโอนเงินเข้ามาในบัญชี ของนายภูมิเดช จันทรังษี ที่เป็นสามีของ นางชมพูนุช
จากนั้น นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกในรอบเช้าโอนเงินไป จำนวน 14,300 บาท และรอบที่ 2 ในรอบบ่ายอีก จำนวน 1,400 บาท เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา จากนั้นเวลาผ่านไป 1 วัน นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายเห็นว่า นางชมพูนุช จันทรังษี มิจฉาชีพยังไม่มีการส่งทองคำรูปประพรรณมาให้ นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อกลับไปอีกครั้ง เพื่อขอดูใบเลขพัสดุจากไปรษณีย์ แต่กลับได้รับคำตอบจาก นางชมพูนุช มิจฉาชีพว่าต้องขอโทษลูกค้าด้วยที่ไม่สามารถส่งของให้ได้
จากนั้น นายสุทธิพงษ์ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อ และโทรศัพท์กับไปก็พบว่า ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว จึงรู้ว่าถูกหลอกอย่างแน่นอน จึงได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.พิชิต สายกระสุน ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตามจับกุม นางชมพูนุช และนายภูมิเดช จันทรังษี 2 ผัวเมียที่ร่วมกันหลอกลวงในการประมูลทองคำรูปประพรรณผ่านเฟซบุ๊กมาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ล่าสุด ทราบว่ามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศแล้วรวม 60 ราย มูลค่าเงินรวมกว่า 5 แสนบาท และผู้เสียหายก็ได้มีการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่นั้นๆ ไว้เป็นหลักฐานแล้วเพื่อให้ตำรวจได้ตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
