ระยอง - ชาวบ้านก้นอ่าว ร้องสื่อเข้าตรวจสอบผับแห่งหนึ่งที่เปิดให้บริการริมชายหาดก้นอ่าว (โค้งแป๊ะสุน) ใกล้สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เผยเป็นของคนมีสี ที่นอกจากจะเปิดเพลงเสียงดังแล้ว ยังมีโชว์โคโยตี้นุ่งเพียงบิกินี ขณะที่หัวหน้าอุทยานฯ เผยเคยว่ากล่าวตักเตือนแต่ยังดื้อแพ่ง เตรียมสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมพ้นจากพื้นที่อุทยานฯ
วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านก้นอ่าวหาดแม่รำพึง ตำบลเพ อำเภอเมืองระยองว่า มีคนมีสีลักลอบเปิดผับที่เปิดให้มีสาวนุ่งน้อยห่มน้อยโชว์เต้นโคโยตี้ บริเวณริมชายหาดก้นอ่าว (โค้งแป๊ะสุน) ใกล้สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยพบผับดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านพักอาศัยที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานบันเทิง (เร็กเก้ผับ) โดยตั้งอยู่ติดชายหาดซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ผับแห่งนี้เดิมเป็นบ้านพักอาศัยของชาวประมง ต่อมา มีนายทุนซึ่งเป็นคนมีสีได้เข้ามาเช่า และดัดแปลงต่อเติมเป็นสถานบันเทิง โดยในช่วงกลางคืนจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติเข้ามานั่งดื่มสุรา และเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน นอกจากนั้น ยังมีการแสดงโชว์โคโยตี้ที่นุ่งเพียงบิกินี พร้อมยังเปิดเสียงเพลงดังสร้างความรำคาญให้แก่ชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว
จากการสอบถามไปยัง นายธัชพล เอี่ยมงาม ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองระยอง ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ซึ่งที่ผ่านมา ไม่อนุญาตให้มีการเปิดสถานบริการ หรือแม้แต่การจะจัดแสดงเต้นโคโยตี้ หรือเล่นดนตรีเกินเที่ยงคืนก็ไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ดี เมื่อได้รับข้อมูลเช่นนี้ก็พร้อมที่จะประสานฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการต่อร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่เปิดให้บริการเกินเวลา โดยจะดำเนินการจับกุมโดยเด็ดขาด รวมทั้งตรวจสอบว่าร้านค้าต่างๆ ที่เปิดให้บริการเข้าข่ายสถานบริการหรือไม่
ด้าน นายธนิศ จันทะเดช หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดให้บริการของผับที่ได้รับการร้องเรียนว่า ที่ผ่านมา เคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในลักษณะดังกล่าว และได้เคยว่ากล่าว และตักเตือนผับแห่งนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการแก้ไข
หลังจากนี้ไปจะต้องดำเนินการจับกุม และสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมพ้นจากพื้นที่อุทยานฯ เนื่องเพราะในเขตอุทยานฯ ไม่สามารถอนุญาตให้เปิดสถานบริการได้ เพราะถือว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ ทั้งนี้ จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่กวดขันจับกุมโดยเร็ว