ประจวบคีรีขันธ์ - ทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ผุดโครงการปั่นจักรยาน 1 อ่าว 9 หน้า 9 กิโลเมตร สร้างความแข็งแรง และส่งเสริมการท่องเที่ยว
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.พันษา อัมราพิทักษ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการปั่นจักรยาน 1 อ่าว 9 หน้า 9 กิโลเมตร โดยมี ร.ต.อ.กฤษฎา จันทร์อุทัย รองสารวัตรตำรวจทางหลวง พร้อมสมาชิกชมรมจักรยานตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กว่า 30 คนร่วมทีมปั่นจักรยาน
โดยเริ่มต้นจากหน้าสถานีตำรวจทางหลวง ไปตามถนนเพชรเกษม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองประจวบฯ ข้ามสะพานทางรถไฟ แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านด้านข้างเขาช่องกระจก มุ่งหน้าคลองบางนางรม แล้วจอดพักรถเพื่อชมความสวยงาม และบันทึกภาพที่จุดชมวิวป้ายชื่อประจวบคีรีขันธ์ ก่อนปั่นจักรยานกันต่อโดยปั่นเลียบทะเลไปตามเส้นทางจักรยาน ลัดเลาะข้างเขาช่องกระจกอีกครั้ง ผ่านหน้าอ่าวประจวบ ซึ่งมีวิวทะเลที่สวยงามงามมากที่สุดของวิวเกาะแก่งน้อยใหญ่ และน้ำทะเลใส และพักรถอีกครั้งที่บริเวณสะพานสราญวิถี ซึ่งเป็นสะพานที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ทอดตัวยาวลงไปในทะเล โดยสร้างขึ้นเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว และได้รับพระราชทานชื่อสะพานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วย
จากนั้นปั่นจักรยานกันต่อมุ่งหน้ากองบิน 5 โดยวกกลับเข้ามาเส้นถนนพิทักษ์ชาติ ผ่านย่านชุมชนเมืองประจวบฯ แล้วสิ้นสุดที่ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ สถานีที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุดของจังหวัด รวมระยะทางทั้งสิ้น 9 กิโลเมตร
พ.ต.ท.พันษา อัมราพิทักษ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า โครงการปั่นจักรยานของตำรวจทางหลวงที่จัดขึ้นเพื่อมุ่งหวังสร้างความรักความสามัคคี และส่งเสริมให้ตำรวจได้ออกกำลังกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการปฎิบัติหน้าที่ช่วยเหลือสังคม โดยคัดเลือกเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามในจังหวัด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่น่าสนใจ ปั่นจักรยานได้สะดวก เผื่อว่านักท่องเที่ยวต้องการปั่นตามเส้นทางที่ตำรวจได้ปั่นในโครงการ ซึ่งระยะทาง 9 กิโลเมตรไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป สามารถปั่นเพื่อการออกกำลังกาย และการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
ด้าน ด.ต.พีรวัส นวกาญจนา จ่ากองสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เจ้าของโครงการกล่าวด้วยว่า โครงการนี้ต้องการส่งเสริมการออกกำลังกายเป็นหลัก รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย โดยจะให้ความสำคัญต่อการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการสร้างจิตสำนึกด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยขณะนี้ทางชมรมมีสมาชิกทั้งสิ้น 32 คนแล้ว ซึ่งจะนัดปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกาย และส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบนี้เดือนละ 1 ครั้ง