สุรินทร์- ล้วงคอเสี่ยนักธุรกิจค้าขายที่ดินและขายรถมือ 2 เมืองช้างรุ่นลายคราม ถูกคนร้ายลอบเข้าเปิดตู้เซฟในห้องนอน ขโมยเงินสดไป 2.93 ล้าน พร้อมโฉนดที่ดินเตรียมชื้ออีก 4 ใบหนีลอยนวล เจ้าตัวสงสัยคนงานชายที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานบ้านได้ 1 เดือน และ หลังเกิดเหตุหายตัวไป ขณะตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเหตุสอบปากคำลูกชายและลูกสะใภ้ในบ้านยังให้การขัดกัน
เมื่อเวลา 14.20 น.วันนี้ (31 ธ.ค.) ร.ต.อ.ปรีชาชนะ ไหมทอง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากเจ้าของบ้านเลขที่ 250 หมู่ 6 บ้านสินธร ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่าทรัพย์สินเงินสดจำนวน 2,930,000 บาท และโฉนดที่ดินอีก 4 ใบ ได้หายไปจากตู้นิรภัย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตรวจที่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อได้รับแจ้งเหตุแล้ว ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว
ในที่เกิดเหตุพบ นายธีรศักดิ์ บุญประเสริฐสิทธิ์ อายุ 74 ปี นักธุรกิจขายที่ดินและรถยนต์มือสอง เจ้าของทรัพย์สินที่หายไปรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปยังห้องนอน ที่ตั้งของตู้นิรภัยหรือตู้เซฟ ใบขนาดใหญ่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจสอบบันทึกภาพ สภาพแวดล้อมและตรวจหาลายนิ้วมือแฝง ที่บริเวณกุญแจของตู้เซฟ
นายธีรศักดิ์ บุญประเสริฐสิทธิ์ บอกว่า ตนได้มาเปิดตู้เซฟในวันนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. และ พบว่าทรัพย์สินในตู้เซฟที่หายไปเป็นเงินสด จำนวน 2,930,000 บาท พร้อมทั้งโฉนดที่ดิน ที่เตรียมจะซื้อ อีก 4 ใบ เก็บไว้ในกระเป๋าใบเดียวกันก็หายไปด้วย และตู้เซฟมีสิ่งผิดปกติคือตนจะล็อกตู้เซฟเฉพาะตู้ล่าง ส่วนตู้บนไม่ล็อก แสดงว่ามีคนเข้ามาเปิดตู้เซฟ
ตอนนี้ตนสงสัย คนงานในบ้านที่เจอกันในบ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศกัมพูชา และชวนมาทำงานบ้าน ได้ 1 เดือน ชื่อ นายเรืองวิทย์ ใจใหญ่ ชาวจังหวัดสิงห์บุรี น่าจะเป็นคนเอาเงินไป เพราะคนงานคนนี้ได้หายตัวไปจากบ้าน ไม่ทราบว่า ไปที่ไหนติดต่อไม่ได้ และยังเป็นคนชอบเล่นการพนันในบ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศกัมพูชา
นายธีรศักดิ์ บอกอีกว่า ตนไม่เชื่อบรรดาญาติ ที่บอกกล่าวตักเตือน การรับใครที่ไม่รู้จัก เข้ามาทำงานในบ้านมันอันตราย และไว้วางใจไม่ได้ แต่ตนมีเจตนาดีต่อเขา อยากให้มาทำงานบ้านดูแลช่วยงานในบ้าน ไม่คิดว่าเขาจะมาหักหลังขโมยเอาทรัพย์สินของตนไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.เมืองสุรินทร์ ได้สอบปากคำญาติ ของ นายธีรศักดิ์ ทั้งลูกสะใภ้ ลูกสาว และลูกชาย ของนายธีรศักดิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าคนงานในบ้านจะเป็นผู้ลงมือขโมยทรัพย์สินในตู้เซฟคนเดียว เพราะคำให้การในเบื้องต้นของพยานในบ้านที่เกิดเหตุยังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ไม่ตรงกัน
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญ ลูกสะใภ้ของนายธีรศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่บ้านหลังนี้ตลอดเวลา ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองสุรินทร์ และจะได้เรียกสอบลูกสาวและลูกชายนายธีรศักดิ์ มาให้ปากคำเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้เนื่องจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นพบว่า มีความขัดแย้งกันในเรื่องทรัพย์เงินทองในบ้าน จนถึงขั้นทำให้ลูกชายต้องย้ายออกจากบ้านหลังเกิดเหตุไปอยู่บ้านหลังใหม่ เชื่อว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะกระจ่างชัดขึ้น