เชียงราย – พระแสข่าวแพร่สะพัด ชาวพม่าในท่าขี้เหล็ก รวมตัวตั้งองค์กร พร้อมนัดชุมนุมพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) ถือป้ายเรียกร้องปล่อยตัว 2 นักโทษคดีร่วมกันฆ่า-ข่มขืนนักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า นัดเดินเท้าจากสนามฉานโยมะ จ่อชายแดนไทย
วันนี้ (25 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเมียนมา ในท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้เคลื่อนไหวรวมกลุ่มตั้งเป็น “คณะกรรมการดูแลรักษาและเจรจาต่อรองเพื่อประชาชนชาวเมียนมา” มีนายสมพอน ไทใหญ่ เป็นผู้ประสานงาน จัดประชุมกันบริเวณอาคารฉานโยมะ จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร
โดยมีการแจ้งต่อที่ประชุมว่า มีการตั้งกรรมการฝ่ายต่างๆ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และนัดหมาย ประชาชนทั่วไปชาวเมียนมา รวมไปถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษา คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นักธุรกิจ ฯลฯ ที่อยู่ในท่าขี้เหล็ก ให้ไปชุมนุมพร้อมกันที่สนามฉานโยมะ
ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายซอ ลิน หรือโซเรน และนายเว พิว หรือวิน คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ถูกศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พิพากษาให้ประหารชีวิตนายซอ ลิน และนายเว พิว หรือวิน ฐานร่วมกันฆ่านายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและฆ่า น.ส.ฮันนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ ชาวอังกฤษเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 ที่บริเวณโขดหินริมชายหาดด้านปลายแหลม ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
นายสมพอน ระบุว่า คณะกรรมการฯมีมติให้มวลชนทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สนามฉานโยมะ ใกล้กับหอการค้าท่าขี้เหล็ก (เดิม) ในเวลาประมาณ 09.30 น.วันพรุ่งนี้(26 ธ.ค.) พร้อมถือป้ายขอให้มีการยกโทษหรือให้มีการพิจารณาคดีใหม่อย่างเป็นธรรม
ก่อนเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากสนามไปตามถนนอาร์สามบี สายโรงแรมเรจิน่า แอนด์ กอล์ฟคลับ-สนามข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 มุ่งสู่ชายแดนไทย-เมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย เพื่อแสดงพลังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวชายชาวเมียนมาทั้ง 2 คน เพราะเชื่อว่าทั้งนายซอ ลิน และนายเว พิว ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
ทั้งนี้นายสมพอน ยืนยันว่า กิจกรรมทุกอย่างแม้จะกล่าวอ้างไปถึงสถาบันที่คนไทยเคารพ เพื่อขอให้ชาวเมียนมาทั้ง 2 คนพ้นโทษ แต่ก็จะกระทำไปด้วยความสุภาพ ไม่มีการใช้ถ้อยคำรุนแรงแต่อย่างใด และจะไปยุติตรงสะพานข้ามลำน้ำสาย เท่านั้น
สำหรับบรรยากาศที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวเมียนมา และชาวต่างประเทศ ต่างเดินทางไปมาระหว่างพรมแดนที่เปิดตั้งแต่เวลา 06.30-21.00 น.ทุกวัน กันอย่างคึกคักเช่นเดิม โดยเฉพาะวันหยุดยาวและฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปอย่างคับคั่ง