บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน 2 อำเภอที่บุรีรัมย์ที่ถูกกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดงพลอง ต่างดีใจและขอบคุณนายกฯ ที่ระบุระหว่างแถลงผลงานรัฐบาลรอบปีให้ประชาชน สามารถทำกินในพื้นที่ป่าที่มีข้อพิพาทได้ หลังได้ต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมหลายหน่วยงาน ล่าสุดมีชาวบ้านที่ผ่านการคัดกรองเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ 28 ราย
วันนี้ (24 ธ.ค. 58) ชาวบ้าน ต.แคนดง อ.แคนดง และ ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าดงพลอง” เพื่อปลูกยางพารารวมเนื้อที่ 741 ไร่ ต่างออกมาแสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณนายกรัฐมนตรี หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ระบุขณะแถลงผลงานรัฐบาลในรอบปีว่า ให้ประชาชนสามารถอาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าที่มีข้อพิพาทได้ โดยให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่นั้นๆ แต่ไม่ให้ออกเอกสารสิทธิ ถือเป็นสัญญาณที่ดีและทำให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจมากขึ้น
จากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ บร.5 ได้มาปิดประกาศจะเข้าดำเนินการตัดโค่นต้นยางเพื่อขอคืนพื้นที่ป่าดังกล่าวตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านซึ่งยืนยันว่าได้ทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายต่างตกใจ พร้อมได้ทำหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมไปหลายหน่วยงาน เช่น รัฐสภา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ
กระทั่งถึงขณะนี้ยังไม่มีการตัดโค่นยางของชาวบ้านแต่อย่างใด ล่าสุดมีชาวบ้านที่ผ่านการคัดกรองตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของทางภาครัฐ เพื่อพิสูจน์สิทธิตามที่รัฐกำหนดจำนวน 28 ราย จากที่ยื่นขอตรวจสอบทั้งหมด 51 ราย โดยหลักเกณฑ์เงื่อนไขจะต้องเป็นผู้มีฐานะยากจนมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จริงหรือไม่ ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือไม่เคยได้รับการจัดสรรที่ทำกินจากหน่วยงานภาครัฐ หรือมีหลักฐานการเสียภาษีให้กับเทศบาล อบต.หรือไม่ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจพิสูจน์สิทธิ์ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง
นายรักชาติ ชาญกิจวรกุล ตัวแทนชาวบ้าน ระบุว่า ชาวบ้านได้ทำกินในที่ดินดังกล่าวมานานกว่า 50 ปีแล้ว เป็นที่ดินที่ได้รับตกทอดจากบรรพบุรุษ ไม่ได้บุกรุกที่ป่าสงวนตามที่ถูกกล่าวหา อยากวิงวอนขอให้รัฐบาลเห็นใจ เพราะต่างมีฐานะยากจนและมีรายได้หลักจากการกรีดน้ำยางขายเลี้ยงครอบครัว แต่หลังจากที่นายกฯ ได้ระบุขณะแถลงผลงานในรอบปี ให้ชาวบ้านที่อาศัยทำกินในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทได้ ทำให้ชาวบ้านต่างดีใจและมีความหวังมากขึ้น แม้การพิสูจน์สิทธิ์จะยังไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลได้พิจารณาออกเอกสารสิทธิให้แก่ชาวบ้าน หรือให้ชาวบ้านได้มีหลักฐานทำกินในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลังอีก
ด้านนางนิตยา โพธิ์ภักดี ชาวบ้านอีกราย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่ารู้สึกดีใจ ที่ได้ทำกินในที่ดินดังกล่าวต่อไป เพราะหากถูกเจ้าหน้าที่ตัดโค่นต้นยางทิ้งและยึดพื้นที่คืนก็ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรเลี้ยงครอบครัว เพราะไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ยังเห็นใจชาวบ้านที่ไร้ที่ทำกินและยากจน และหากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลพิจารณาออกเอสารสิทธิหรือมีหลักฐานการเข้าทำกินในพื้นที่ดังกล่าวอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังซ้ำ