บุรีรัมย์ - นายหน้าที่หลอกแรงงานชาวบุรีรัมย์ไปทำงานประเทศอิสราเอล เมื่อปี 2556 เบี้ยวไม่มาไกล่เกลี่ยตามนัดของเจ้าหน้าที่ สร้างความไม่พอใจแก่ผู้เสียหาย ยันคดีไม่คืบเตรียมบุกร้อง สนง.ตำรวจแห่งชาติ
วันนี้ (17 ธ.ค.) ญาติและแรงงานชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 10 ครอบครัวที่ถูกนายหน้าหลอกไปทำงานประเทศอิสราเอล แต่ไม่ได้เดินทางไปจริงตามที่กล่าวอ้าง และทำให้ต้องสูญเสียเงินคนละ 300,000-400,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 4 ล้านบาท เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรม อ.ลำปลายมาศ เพื่อทำการเจรจาไกล่เกลี่ยกับนายหน้าที่หลอกจะพาไปทำงานต่างประเทศให้ชดใช้เงินที่หลอกลวงไปคืน แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายนายหน้าทั้ง 3 คนซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.ลำปลายมาศ กลับไม่ได้เดินทางมาตามที่เจ้าหน้าที่ออกหนังสือนัดหมายคู่กรณีทั้งสองให้มาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
การเบี้ยวนัดครั้งนี้ ทางนายหน้าไม่แจ้งเหตุผลให้ทางเจ้าหน้าที่และคู่กรณีทราบ สร้างความไม่พอใจให้แก่แรงงานผู้เสียหายเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากถูกหลอกตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ทำให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินทั้งในและนอกระบบที่กู้ยืมมาจ่ายให้กับกลุ่มนายหน้าดังกล่าว เพราะหวังว่าจะได้เดินทางไปทำงานประเทศอิสราเอลจริง ซึ่งระหว่างที่ผู้เสียหายนั่งรอไกล่เกลี่ยก็ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังกลุ่มนายหน้าดังกล่าว นางชุติกาญจน์ พงศ์สวัสดิ์แก้ว หนึ่งในนายหน้าได้รับสายแต่กลับอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือนัดหมายให้มาไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด แต่แรงงานไม่เชื่อเพราะที่ผ่านมาก็พยายามหลบเลี่ยงและบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด โดยญาติและแรงงานยืนยันว่าหากไม่มีการมาไกล่เกลี่ยชดใช้เงินคืน ก็จะเดินหน้าร้องเรียนจนถึงที่สุด โดยจะไปยื่นร้องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งรัดคดีเอาผิดต่อกลุ่มนายหน้าดังกล่าวด้วย
ด้านนายจรณินท์ สว่างสุข พร้อมด้วยนางบันดิด แก้วโพธิ์ และน.ส.ประจักษ์ ชัยชนะ ญาติและแรงงานที่ถูกหลอก บอกว่าไม่พอใจและเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากที่เดินทางมารอไกล่เกลี่ยกับกลุ่มนายหน้า แต่คู่กรณีกลับไม่มาตามที่เจ้าหน้าที่ออกหนังสือนัดหมาย ทั้งที่ถูกหลอกสูญเสียเงินไปเป็นเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว
สำหรับเรื่องคดีนั้นทางจัดหางานจังหวัดเป็นตัวแทนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ ก็ไม่มีความคืบหน้า และเมื่อไปสอบถามก็ได้รับคำตอบว่าให้รอกำลังดำเนินการอยู่เท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว ทั้งไม่รู้ว่าจะได้เงินที่ถูกหลอกไปคืนหรือไม่ เพราะทุกคนต่างก็เดือดร้อนต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมมาคนละหลายแสนบาท และยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือแรงงานที่ถูกหลอกด้วย แต่หากยังไม่มีความคืบหน้าก็จะพากันไปร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป