ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รวบ 2 หนุ่มเลือดร้อนซิ่งจักรยานยนต์ไล่ฟันคู่อริข้ามอำเภอ ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ก่อนจะใช้เท้าถีบจนรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มจนดับ และบาดเจ็บสาหัส เผยทั้ง 2 ฝ่าย เขม่นหาเรื่องกันในงานคอนเสิร์ตที่ว่าการอำเภอโนนศิลามาก่อนที่จะไล่ล่าทำร้ายกัน
สายวันนี้ (15 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ แถลงข่าวผลจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ประกอบด้วย นายสหชัย นนทแสน หรือบอย อายุ 18 ปี และนายธีรภัทร์ ชัยอินศูนย์ หรือนายโอเล่ อายุ 23 ปี พร้อมของกลางเสื้อที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ มีดดาบซามูไร ยาว 50 เซนติเมตร และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน งงก 867 ขอนแก่น
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. คืนวันที่ 12 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม ทำให้นายภานุวัฒน์ เขียวสาคู อายุ 17 ปี เสียชีวิต และนายนฤพงศ์ อ่อนหลง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณทางเลี่ยงเมืองบ้านไผ่-บรบือ อ.บ้านไผ่ อย่างไรก็ตาม ได้มีพยานเห็นมีรถจักรยานยนต์อีกคันขับไล่กันมา ก่อนที่รถผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจะล้มลง
ภายหลังได้รับข้อมูลจากพยาน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบ้านไผ่ ได้ประสานไปยังตำรวจภูธรโนนศิลา จ.ขอนแก่น ทำให้ทราบว่า เมื่อค่ำคืนวันที่ 12 ธ.ค.คืนเดียวกันนั้น ทางอำเภอได้จัดงานงิ้วขึ้น และมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต โดยกลุ่มของผู้ต้องหาได้ถูกกลุ่มผู้เสียหายพยายามหาเรื่องตลอดเวลา กระทั่งคอนเสิร์ตจบ กลุ่มผู้ต้องหาได้ขับรถจักรยานยนต์ไล่ทำร้าย โดยพยายามจะใช้มีสปาต้าฟัน
แต่ทางผู้ตาย และผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปจากบริเวณงานภายในที่ว่าการอำเภอโนนศิลา จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุทางเลี่ยงเมืองบ้านไผ่-บรบือ อำเภอบ้านไผ่ รวมระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ผู้ต้องหาขับรถตามจนไล่ทัน
จากนั้นได้ขับประชิดด้านข้าง ก่อนที่นายภานุวัฒน์ ที่นั่งซ้อนท้ายจะใช้มีดฟันแต่ไม่ถูก เลยใช้เท้าถีบรถจนล้มลงข้างทาง ร่างของนายภานุวัฒน์ กระแทกกับราวเหล็กกั้นทางก่อนที่จะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลขอนแก่น ส่วนนายนฤพงศ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว จนกระทั่งตำรวจได้สอบปากคำนายนฤพงศ์ จนทราบว่า ไม่ใช่อุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์ล้มด้วยตัวเอง แต่เป็นการถูกไล่ทำร้าย
หลังจากนั้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย มีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย และถึงสาหัส พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป