หนองคาย- ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สนธิกำลังหน่วยงานข้างเคียง รวบคนไทย คนลาวพยายามจะพาชาวเวียดนาม 4 คน เข้ามาทำงานร้านอาหารที่กรุงเทพฯ แล้วอยู่เกินกำหนดข้ามแม่น้ำโขงกลับเวียดนาม ครอบครัวเวียดนามอ้างแม่ตายจะกลับไปงานศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พ.ต.อ.จักราวุธ จงศิริ ผู้กำกับการกองสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ ตชด.245 หนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบนำพาชาวเวียดนามออกนอกประเทศ
ประกอบด้วย นายบุญมี คำสุข อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 3 ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย นายคำ นอระนุด อายุ 49 ปี ชาวบ้านนาไฮ เมืองหาดทรายฟอง แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว นายเหงียน วัน ทรัก อายุ 50 ปี นายโว ฮัว ฮา อายุ 31 ปี นางเหงียน ทิ ฮัว ทู อายุ 28 ปี ทั้ง 3 เป็นพ่อลูกกัน และนางลี ทิ ดั๊ก อายุ 47 ปี โดยทั้งหมดเป็นชาวเมืองฮาติงห์ ประเทศเวียดนาม อยู่ในราชอาณาจักรไทยเกินกว่ากำหนดเกือบ 1 ปี
การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้รับแจ้งว่า จะมีการลักลอบนำพาชาวเวียดนามออกนอกประเทศโดยช่องทางผิดกฎหมาย ร.ต.อ.อภิชาติ คลธา รอง สว.ตม.หนองคาย จึงสนธิกำลังตรวจสอบ จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.30 น. พบรถเก๋งไดฮัทสุ มิร่า ทะเบียน กง 5619 หนองคาย ขับเข้ามาริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านพร้าวเหนือ ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย มีนายบุญมี เป็นคนขับ
ส่วนชาวเวียดนามนั่งเบียดกันมาในรถ ขณะเดียวกัน นายคำ ชาวลาวได้ขับเรือหางยาวเข้ามาเทียบท่า ซึ่งชาวเวียดนามกำลังจะเดินลงเรือ เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม และตรวจยึดของกลางทั้งรถยนต์ และเรือหางยาวไว้ได้
จากการสอบสวน นายบุญมี ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากชาวเวียดนามที่อยู่ในเวียงจันทน์ ให้มารับชาวเวียดนามที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยขบวนรถไฟกรุงเทพฯ-หนองคาย ไปส่งลงเรือที่ชาวเวียดนามติดต่อไว้แล้ว โดยนายบุญมี เก็บค่าหัวคนละ 1,500 บาท ในจำนวนนี้ได้หักให้นายคำ ค่าเรือคนละ 900 บา
ซึ่งนายคำ ก็จะนำเงินที่ได้ไปให้นายหน้าชาวเวียดนามอีกคนละ 600 บาท ซึ่งในแต่ละเดือนจะพาชาวเวียดนามที่ต้องการเดินทางออกจากไทยกลับประเทศ 1-3 ครั้งๆ ละประมาณ 1-5 คน
ขณะที่ นายเหงียน วัน ทรัก บอกว่า พวกตนเข้ามาทำงานร้านอาหารที่กรุงเทพฯ ได้เงินเดือนๆ ละ 9,000 บาท ภรรยาที่อยู่เวียดนามเสียชีวิตจึงจะพาลูกๆ เดินทางกลับไปงานศพ แต่เนื่องจากอยู่เกินกำหนดเกรงว่าจะถูกจับจึงหาวิธีการหลบเลี่ยงไม่ให้เจ้าหน้าที่จับได้
ส่วนนางลี ทิ ดั๊ก บอกว่า จะเดินทางกลับไปต่อพาสปอร์ตที่เวียดนามแล้วจึงจะกลับมาทำงานร้านอาหารเช่นเดิม