ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชลประทานรับเขื่อนแม่งัดและเขื่อนแม่กวงเหลือน้ำเพียง 28% และ 11% เข้าขั้นวิกฤต ย้ำทุกภาคส่วนใช้อย่างประหยัด วอนเกษตรกรงดปลูกพืชใช้น้ำมาก และช่วยหาอาชีพทดแทน ส่วนน้ำอุปโภคบริโภคมีพอใช้แน่ถึงเดือน พ.ค. 59 พร้อมมีสูบเก็บสำรองอีก 1 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายจานุวัตร เลิศเจริญศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ซึ่งเป็นผลมาจากภัยแล้งที่รุนแรง โดยพบว่าสถานการณ์น้ำทั้งในแม่น้ำปิง, แม่น้ำแม่แตง, เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ต่างมีปริมาณน้ำเหลือน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์เหมือนที่เคยต้องประสบมาแล้วในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 58 พบว่าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างทั้งสิ้นประมาณ 74 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 28% ของความจุอ่าง 265 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างทั้งสิ้นประมาณ 29 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 11% ของความจุอ่าง 263 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. 59 เป็นต้นไป ด้วยสถานการณ์ปริมาณน้ำกักเก็บที่เหลือน้อยมาก เชื่อว่าผู้ใช้น้ำทั้งการอุปโภคบริโภคและการเกษตรจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในระดับหนึ่ง โดยในส่วนของน้ำดื่มน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค เบื้องต้นยืนยันว่ามีมากเพียงพอที่จะใช้ได้ถึงประมาณเดือน พ.ค. 59 แม้จะไม่มีฝนตกลงมา
อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัด รู้คุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย ขณะเดียวกัน ได้มีการเตรียมแผนสำรองไว้กรณีฉุกเฉินด้วยการสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้ากักเก็บไว้ในแหล่งน้ำของส่วนราชการ 5 แห่ง รวมความจุทั้งสิ้น 1,091,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อสำรองไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคได้อีกประมาณ 30 วัน ส่วนการทำการเกษตรนั้น ได้มีการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำที่เหลือน้อยให้เกษตรกรทราบแล้ว และขอความร่วมมือให้งดการปลูกพืชที่ต้องใช้น้ำมาก พร้อมทั้งร่วมกับส่วนราชการในการหาอาชีพทดแทน