นครพนม - ชาวนครพนมแห่ซื้อเสื้อ “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” คึกคัก เหลืองเต็มตลาด ร้านค้ารับทรัพย์ ขณะที่ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนเข้าเขาคิวรับบัตรรอรับเสื้อพระราชทานปั่นวันงานแล้วกว่าหมื่นคน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนมว่า ขณะนี้กระแส “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” มาแรงมากในทุกอำเภอ และได้เกิดกลุ่มก๊วนปั่นจักรยานเพิ่มขึ้นหลายกลุ่ม ส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจโดยเฉพาะร้านจักรยานมียอดขายเพิ่มขึ้น และที่คึกคักที่สุดในขณะนี้คือบรรยากาศการจำหน่ายเสื้อ “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” ตามร้านค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองจนเหลืองทั้งตลาด มีประชาชนและส่วนราชการมาซื้อไปสวมใส่ทำงานในชีวิตประจำวันถึงแม้ไม่ได้ปั่นจักรยามก็ตาม
เจ้าของร้านค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองบอกว่า ขายดีมากมีราคาตัวละ 50-100 บาท โดยเสื้อที่สั่งตรงมาจากโรงงานที่นำมาจำหน่ายจะเป็นเนื้อผ้าระดับกลางราคาจึงไม่แพง เด็กและผู้ใหญ่ในชนบทก็ซื้อใส่ได้แบบสบายๆ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านหรือพ่อค้าข้าราชการที่มีรสนิยมสูง และเป็นนักปั่นที่ใช้จักรยานแพงจะไปหาซื้อเสื้อที่ผลิตด้วยผ้าเนื้อดี การตัดเย็บมาตรฐาน แต่ราคาก็สูงขึ้นตามมาตรฐานของเสื้อ
ผู้จัดการร้านขายเสื้อผ้า “อัญชลี” ร้านดังที่สุดในนครพนม กล่าวว่า เสื้อ “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” ที่ผลิตมาจากโรงงานมาขายที่ร้านตนจะเป็นผ้าเนื้อดี มีการออกแบบสวยงาน รวมทั้งการตัดเย็บได้มาตรฐาน ตลอดการยืดหยุ่นเบาสบายเวลาปั่นจักรยาน โดยนักปั่นระดับมืออาชีพหรือแถวหน้านครพนมจะเป็นลูกค้าตนส่วนใหญ่ โดยราคาก็ไม่แพงมาก ตามเนื้อผ้า เสื้อเด็ก 50-100 ผู้ใหญ่ 100-300 บาท ขณะนี้ลูกค้ามาสั่งซื้อเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม บรรยากาศก็มีประชาชนข้าราชการได้เดินทางมาลงทะเบียนร่วมกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad” จำนวนมาก โดยจังหวัดนครพนมมีผู้ลงทะเบียนมากถึง 11,723 คน มากเป็นอันดับที่ 8 ของประเทศถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ
ส่วนการรับพระราชทานเสื้อกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad จังหวัดนครพนมได้จัดเตรียมพื้นที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อรองรับประชาชนจำนวนมากที่จะเดินทางเข้ารับเสื้อพระราชทาน โดยได้แบ่งออกเป็น 2 วันในการจัดพิธี สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมลำดับที่ 1-5,000 จะได้รับเสื้อพระราชทานต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ และลำดับที่ 5,001 ขึ้นไปจะได้รับเสื้อพระราชทานในวันที่ 8 ธันวาคนนี้ แบ่งออกเป็นภาคเช้าและบ่าย ภาคละ 2,500 คน
