กำแพงเพชร - “ยิ่งลักษณ์” เดินสายเที่ยวกำแพงเพชร แวะชมโรงงาน-ชิม “เฉาก๊วยชากังราว” สินค้าโอทอปชื่อดังเมืองกล้วยไข่ ท่ามกลางทหาร ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบตามเกาะติด ก่อนโพสต์เฟซฯ ตบท้ายชื่นชมเถ้าแก่เฉาก๊วย เริ่มต้นกิจการกับมือ ก่อนได้งบหนุน OTOP ยุค “ทักษิณ” จนขยายกิจการใหญ่โต
วันนี้ (19 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธีทำบุญทอดกฐินสามัคคีวัดทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นั่งรถโฟล์คสีดำ หมายเลขทะเบียน ฮพ 4461 กรุงเทพมหานคร เดินทางไปเที่ยวต่อที่จังหวัดกำแพงเพชร ก่อนกลับกรุงเทพฯ
โดยได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานเฉาก๊วยชากังราวตราเพชร สินค้าโอทอปชื่อดังของจังหวัดกำแพงเพชร บ้านบ่อสามแสน ต.หนองปลิง อ.เมืองกำแพงเพชร โดยมีนายเสริมวุฒิ และนางอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ เจ้าของ พร้อมคณะต้อนรับ นำพาเยี่ยมชมการผลิต พร้อมชิมเฉาก๊วยสด-เฉาก๊วยชากังราวในน้ำขิง และชาเฉาก๊วย ผลิตภัณฑ์ใหม่
และมีอดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจากหลายจังหวัดทั้งพิจิตรและกำแพงเพชร ร่วมเดินทางมากับคณะด้วย เช่น นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง อดีตรองเลขาธิการนายกฯ, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์, พ.ต.ท.ไวพจน์-นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์, นายไผ่ ลิกค์, นายเกียรติชัย ติรณศักดิ์กุล, น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ซึ่งมีประชาชนที่ทราบข่าวนำดอกกุหลาบมามอบให้พร้อมกล่าวชื่นชม และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะได้เดินทางไปชมแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำร้อนพระร่วง ต.ลานดอกไม้ อ.เมืองกำแพงเพชร และนอนพักค้างแรม ณ โรงแรมชากังราว และในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) จะเดินทางไหว้พระที่วัดพระบรมธาตุ พระอารามหลวง ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร และไหว้พระที่วัดป่าไทรงาม อ.ไทรงาม ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ตลอดการเดินทางท่องเที่ยวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ทั้งในและนอกเครื่องแบบติตตามดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กด้วยว่า “วันนี้ดิฉันได้มาแวะมาจังหวัดกำแพงเพชรพร้อมกับท่านอดีตรัฐมนตรีวราเทพ รัตนากร และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เลยมีโอกาสมาเยี่ยมโรงงานเฉาก๊วยชากังราว ซึ่งน่าสนใจมากค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องรสหวาน หอม อร่อย อย่างเดียว
แต่เป็นเรื่องราวที่เจ้าของเริ่มต้นกิจการจากการทำเฉาก๊วยที่กวนด้วยมือ เพียงให้ได้ค่าอาหารมาเลี้ยงครอบครัววันละ 200 บาท แต่ต่อมาเจ้าของได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ยุคแรกในสมัยของ นายทักษิณ ชินวัตร ด้วยเงินเพียง 60,000 บาทพัฒนาจาก OTOP 3 ดาว จนถึง 5 ดาว ประสบความสำเร็จจนขยายกิจการ ขายดีเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 1 แสนถุง หน้าร้อนต้องเข้าคิวรอซื้อ สามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังขอชื่นชมว่าเจ้าของยังรู้จักช่วยเหลือสังคม ตั้งแต่ดูแลสภาพแวดล้อม ระบบน้ำเสีย และให้ทุนการศึกษากับเด็ก ดิฉันยังจำได้ว่าท่านมีน้ำใจเมื่อครั้งเกิดมหาอุทกภัย ปี 2554 ท่านยังมาขอบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาทอีกด้วยค่ะ จึงขอชื่นชมและเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความภูมิใจของธุรกิจชุมชนที่เติบโตเป็นเอสเอ็มอี และกำลังขยายกิจการขนาดใหญ่ ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจของประเทศค่ะ”
