ศูนย์ข่าวศรีราชา - หน่วยงานรัฐ และเอกชนพื้นที่แหลมฉบัง พร้อมมณฑลทหารบกที่ 14 จัดซ้อมใหญ่แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสารเคมีรั่วไหลบริเวณโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โดยต้องมีการอพยพประชาชนใกล้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปสู่ศูนย์พักพิงที่ปลอดภัย
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม ต.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง นายชาญชัย อตมศิริกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชลบุรี นายเลอเลิศ อมรสังข์ ผู้จัดการประชาสัมพันธ์ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) พร้อมเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานร่วมฝึกบูรณาการแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในครั้งนี้
การฝึกซ่อมในครั้งนี้มีการจำลองเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้ และมีการรั่วไหลของสารเคมีบริเวณโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ โดยไทยออยล์ได้จัดชุดเข้าควบคุมเพลิง และแจ้งให้เทศบาลนครแหลมฉบังอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่ ประกอบด้วย ชุมชนบ้านอ่าวอุดม ชุมชนตลาดอ่าวอุดม และชุมชนบ้านทุ่ง และขณะเดียวกัน เทศบาลนครแหลมฉบังได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวขึ้นบริเวณศาลประชาคมอ่าวอุดม
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังเข้าควบคุมการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกในการอพยพประชาชน และในส่วนของทหารได้เข้ามาสนับสนุนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง เป็นผู้อำนวยการในขั้นต้น และยกระดับความรับผิดชอบเป็นนายอำเภอศรีราชา และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตามลำดับ
สำหรับการฝึกซ้อมดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชำนาญ การประสานสอดคล้องระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐแ ละเอกชน การสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะต้องปฏิบัติเช่นไร ที่สำคัญการเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันทีที่เกิดเหตุการณ์จะต้องทำงานประสานกันระหว่างหน่วยงานที่มีหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ด้าน นายไมตรี เรี่ยวเดชะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสด้านการกลั่นและปิโตรเคมี บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้ทางบริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือเพื่อการฝึกซ้อมแผนรองรับเหตุฉุกเฉิน ที่ฝึกซ้อมร่วมระหว่างมณฑลทหารบกที่ 14 เทศบาลนครแหลมฉบัง และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี และการฝึกซ้อมการอพยพคนในชุมชนที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วย
การฝึกซ้อมดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้มีการร่วมมือกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารูปแบบการดำเนินการฝึกซ้อมร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นต้นแบบที่ดีที่จะนำไปเป็นประสบการณ์ และขยายผลต่อผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์แก่สังคมโดยรวมต่อไป
พล.ต.สิงห์ทอง หมีทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 14 กล่าวว่า การฝึกซ้อมในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้น และต้องต่อยอดเป็นแผนงานให้ดียิ่งขึ้น โดยขอให้หน่วยงานที่ร่วมฝึกซ้อมร่วมสังเกตข้อที่บกพร่อง และปัญหาทั้งหมด เช่น อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในเหตุเพลิงไหม้ และสารเคมีรั่วไหล เสนอถึงมณฑลทหารบกที่ 14 เพื่อนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป